พระนักพัฒนาให้กำลังใจงดเหล้าครบพรรษา
องค์การเครือข่ายสังฆพัฒนาแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ในโครงการเครือข่ายพระนักพัฒนาเพื่อสังคมควบคุมปัจจัยเสี่ยง ภาคอีสาน ร่วมกับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ชวนคนไทยคืนความสุขให้ครอบครัว บอกบุญฝ่ายนโยบายและคนทำงาน คิดแผนปฏิบัติการงดเหล้าคุมปัจจัยเสี่ยง พร้อมหนุนพระสงฆ์และประชาคม ร่วมสกัดนักดื่มหน้าใหม่ที่พุ่ง 2.5 แสนราย ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน มีโอกาสติดเหล้า ร้อยละ 70 เร่งปลุกกระแสก่อนเข้าพรรษา พร้อมชวนคนไทยร่วมส่งใจชวนช่วยชมคนงดเหล้าให้ครบ 3 เดือน
เมื่อวันที่ 9 ก.ค.57 ที่ วัดโพธิการาม ต.โพนสูง อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด องค์การเครือข่ายสังฆพัฒนาแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ในโครงการเครือข่ายพระนักพัฒนาเพื่อสังคมควบคุมปัจจัยเสี่ยง ภาคอีสาน สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) และภาคีเครือข่ายงดเหล้าทั่วประเทศ จัดเวทีเวทีประชุม “โครงการเสริมพลังเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาเพื่อสังคมควบคุมปัจจัยเสี่ยง ภาคอีสานและแถลงข่าว “พระนักพัฒนา ให้กำลังใจคนงดเหล้าจนครบพรรษา ทำให้วัดปลอดการขายหวย” ขับเคลื่อนนโยบายงดเหล้าเข้าพรรษา ภายใต้แนวคิด "สัญญางดเหล้าเข้าพรรษา ร่วมให้กำลังใจคนงดเหล้า ให้ครบ 3 เดือน" เพื่อเตรียมความพร้อมรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาของภาคีศาสนาและนักรณรงค์ทั่วประเทศ พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองการทำงาน โดยมี พระครูมงคลวรวัฒน์ วัดเทพมงคล จ.อำนาจเจริญ พระครูโพธิวีรคุณ จอ.ปทุมรัตน์ ประธานภาคฯ และนายบำรุง เป็นสุข ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมเป็นประธานในพิธี
การประชุมครั้งนี้ มีพระสงฆ์นักพัฒนาสังคมเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 30 วัด ทั่วภาคอีสาน ได้เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องอบายมุข ยาเสพติด และงานพัฒนาอื่นๆ ที่ได้ทำอยู่ก่อนแล้ว โดยการหนุนเสริมของสำนักงานองค์กรงดเหล้า และเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสานล่าง ภายใต้กรอบการทำงาน 1 ปี เต็ม และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการทำงานระดับภาค จำนวน 10 รูป/คน เพื่อจัดประชุมเวทีพระนักพัฒนา ติดตามประสานงานในภูมิภาค หนุนเสริมแกนนำพระสงฆ์ 30 วัด เช่น รณรงค์หมู่บ้านงดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2557 รณรงค์ชุมชนปลอดอบายมุข สนับสนุนพื้นที่รูปธรรม เชื่อมโยงแกนนำพระสงฆ์รุ่นใหม่ (ระดับมหาวิทยาลัยสงฆ์ โครงการพระนิสิตศึกษาดูงานพระนักพัฒนา) ขับเคลื่อนนโยบาย เป็นต้น ในงานดังกล่าวมีพระนักพัฒนารุ่นเก่า และรุ่นใหม่ เข้าร่วมประชุม และเตรียมเริ่มทำงานเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในเทศกาลเข้าพรรษานี้
ทั้งนี้ จากการที่ภาครัฐโดยกระทรวงมหาดไทย ได้สนับสนุนและร่วมมือกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าในการร่วมรณรงค์งดเหล้ามาตั้งแต่ปี 2546 ปัจจุบันมีคนที่งดเหล้าเข้าพรรษาเพิ่มจากร้อยละ 15 ในปี 2546 เป็นร้อยละ 60 และผู้งดเหล้าตลอด 3 เดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ประหยัดเงินได้ 2-3 หมื่นล้านบาท ที่สำคัญยังช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุ อาชญากรรม ลดปัจจัยการเกิดโรคได้ถึง 200 โรค ผลการวิจัยความรุนแรงในครอบครัว พบครอบครัวดื่มสุรามีความรุนแรงเกิดขึ้นเกือบ 4 เท่า ของครอบครัวที่ไม่ดื่ม ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว มีแนวโน้มน่าเป็นห่วง สถิติหย่าร้างสูงกว่า 60,000 รายต่อปี ปัจจุบันประเทศไทยมีนักดื่มหน้าใหม่ปีละ 2.5 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน โดยตั้งเป้าจะลดนักดื่มหน้าใหม่ อายุ 15-19 ปี จากร้อยละ 14 ในปี 2554 ให้เหลือร้อยละ 13 ในปี 2557 เพราะเยาวชนเหล่านี้จะตกเป็นลูกค้าของบริษัทเหล้า มีโอกาสติดเหล้าถึงร้อยละ 70 ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพประชากรในประเทศระยะยาว
เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาเพื่อสังคมควบคุมปัจจัยเสี่ยง พร้อมด้วยองค์การเครือข่ายสังฆพัฒนาแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ได้เตรียมการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ในหัวข้อ “สัญญางดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อตัวเองและครอบครัว” โดยมีแนวคิดสำคัญให้ครอบครัวร่วมกัน ชักชวนให้มีการ "สัญญางดเหล้าเข้าพรรษา ร่วมให้กำลังใจคนงดเหล้าให้ครบ 3 เดือน" เพื่อเชื่อมประสานการทำงานระหว่างคณะสงฆ์ ภาครัฐ เอกชนและประชาชนทั่วไปอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ผ่านกิจกรรมรณรงค์งดเหล้าในพื้นที่และการประกาศด้านนโยบายหมู่บ้านรักษาศีล 5 ตามมติมหาเถรสมาคม กระผมขอเชิญชวนประชาชนทุกท่าน ร่วมมือร่วมใจกันงดดื่มสุราในช่วงเข้าพรรษา เริ่มต้นในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ เพื่อเป็นกุศลทั้งต่อตนเอง และครอบครัว ที่สำคัญขอให้ทุกท่านได้ร่วมมือ ชวน ช่วย ชมให้คนงดเหล้าเข้าพรรษาปีนี้ ได้มีกำลังใจในการงดเหล้าจนครบสามเดือนและตลอดไป”
พระครูมงคลวรวัฒน์ ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายพระนักพัฒนา กล่าวว่า “เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาภาคอีสานได้มีการทำงานต่อเนื่อง มีหลักๆ คือ สายอีสานบนกับอีสานล่าง การประชุมครั้งนี้เป็นการเชื่อมพระสงฆ์ทั้ง 2 ส่วนให้มีความใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อช่วยกันขยับประเด็นเรื่องปัจจัยเสี่ยงเช่น เหล้า การพนัน ยาเสพติด ให้สังคมได้ตระหนัก เพราะเป็นปัญหาสำคัญของสังคมตอนนี้ ปัญหาเหล่านี้ได้ลุกลามเข้าไปสู่เขตพุทธสถาน เช่น ลานวัด ศาลาศพ ศาลาพัก โดยอาศัยงานบุญประจำปีและงานประเพณีอื่นๆ เช่น งานกฐิน ผ้าป่า งานบุญประจำปี งานบวช งานศพ เป็นสื่อ ทั้งๆที่ การห้ามดื่มเหล้าเบียร์ และห้ามขายหวย ถือเป็นหลักปฏิบัติ 1 ในศีล 5 ข้อที่ชาวพุทธควรปฏิบัติให้เข้มข้น นี่เป็นปัญหาโดยตรง ด้วยปัญหาดังกล่าว เพื่อเป็นการพัฒนางานณรงค์งดเหล้าให้บรรลุผลเร็วยิ่งขึ้น ควรต้องมีการการนำต้นทุนและศักยภาพพระสงฆ์ ทั้งด้านความเป็นผู้นำ มีบารมี ได้รับการยอมรับจากชุมชนมีผลในการโน้มน้าวใจให้เกิดการคล้อยตามและให้ความร่วมมือในการดำเนินโครงการฯ ด้านการเป็นนักประชาสัมพันธ์ผ่านการเทศน์ การอบรม การให้คำปรึกษา และด้านการเป็นพระนักพัฒนาที่ช่วยเหลือสังคมผ่านกิจกรรมใหม่ๆ ทันสมัยและพึ่งพาแก้ปัญหาได้จริง”
นายบำรุง เป็นสุข ทีมประชาคมงดเหล้าภาคอีสานล่าง กล่าวว่า “กลุ่มพระนักพัฒนาถือว่าเป็นกลุ่มสำคัญในการเคลื่อนงานด้านปัจจัยเสี่ยงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคอีสาน ที่ผ่านมาได้มีการขยายกลุ่มงานไปทุกจังหวัด ได้มีการประกาศนโยบายงานบุญและงานต่างๆปลอดเหล้าอย่างชัดเจน เป็นต้นแบบพื้นที่เรียนรู้ให้พระสงฆ์ในระดับประเทศอีกด้วย การประชุมนี้จะเป็นการจัดลำดับความสำคัญของวัดและพระสงฆ์ เพื่อหนุนเสริม ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างผ่านสื่อและนำเข้าไปสู่ระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆ์ พร้อมทั้งหนุนเสริมประเด็นอื่นๆตามความถนัดของพระสงฆ์”
นายประญัติ เกรัมย์ ผู้ประสานงานโครงการฯ กล่าวว่า “ในปีนี้ เป็นการรณรงค์ปีที่ 12 นี้ จะมีหมู่บ้านและวัดร่วมรณรงค์อย่างจริงจัง 350 แห่งทั่วประเทศ และหวังว่าจะทำให้มีคนงดเหล้าครบ 3 เดือนเพิ่มมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาคนกลับมาดื่มระหว่างพรรษา ประมาณร้อยละ 20 สาเหตุเพราะต้องเข้าสังคม ดังนั้น บทบาทคณะสงฆ์และภาคประชาสังคม คือการช่วยเร่งมาตรการทางกฎหมาย มาตรการจำกัดสถานที่ดื่ม ขาย ซึ่งภารกิจหลังจากวันนี้ คณะสงฆ์พระนักพัฒนาจะได้นำตัวอย่างนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากการรณรงค์งดเหล้าและการทำวัดเป็นเขตปลอดเหล้าและการพนัน ไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมกับพื้นที่อื่นๆ ที่มีแนวคิดจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ต่อเนื่องไปยังโอกาสอื่นๆได้อีก”
ที่มา: เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก