พบ `5อันดับเครื่องดื่มน้ำตาลพุ่ง` เสี่ยงโรค

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน 


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต


พบ '5อันดับเครื่องดื่มน้ำตาลพุ่ง' เสี่ยงโรค thaihealth


สสส.สำรวจ 62 ร้านขายเครื่องดื่ม 3 ถนนหลักเมืองกรุง พบคนทำงาน นักศึกษานิยม 5 อันดับน้ำตาลสูงสุด 'แดงโซดา- โอวัลติน-ชามะนาว-ชาดำเย็น-นมเย็น'เสี่ยงโรคเบาหวาน ความดัน อันตรายไม่รู้ตัว


เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ศ.พญ.ชุติมา ศิริกุลชยานนท์ หัวหน้าโครงการเด็กไทยดูดีมีพลานามัย แผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากผลการสำรวจปริมาณน้ำตาลในร้านขายเครื่องดื่มบนถนนสายเศรษฐกิจ เนื่องในวันเบาหวานโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี พบว่าปริมาณน้ำตาลของร้านขายเครื่องดื่มบริเวณมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตพญาไท ถนนราชวิถีรอบบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และถนนสีลม เพื่อเปรียบเทียบปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม 1 แก้ว ปริมาณ 250 มิลลิลิตร (มล.) จำนวน 62 ร้านค้า โดยเก็บตัวอย่างเมนูยอดนิยม 1 ใน 5 อันดับ และเครื่องดื่มที่มาจากร้านที่ให้ความร่วมมือในการวิจัย รวม 270 ตัวอย่าง พบว่าเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ


1.แดงโซดา ปริมาณน้ำตาล 15.5 ช้อนชา 2.โอวัลติน 13.3 ช้อนชา 3.ชามะนาว 12.6 ช้อนชา 4.ชาดำเย็น 12.5 ช้อนชา และ 5.นมเย็น 12.3 ช้อนชา ส่วนชาเย็น กาแฟเย็น ชาเขียวเย็น มีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ย 11 ช้อนชา และโกโก้มีปริมาณน้ำตาล 10.8 ช้อนชา โดยเครื่องดื่มบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมีปริมาณน้ำตาลมากที่สุด รองลงมาคือวิทยาเขตพญาไท และถนนสีลม ตามลำดับ ซึ่งมาจากความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความนิยมของบุคคล


พบ '5อันดับเครื่องดื่มน้ำตาลพุ่ง' เสี่ยงโรค thaihealth


ศ.พญ.ชุติมา กล่าวว่า ผลการศึกษาครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ว่าองค์การอนามัยโลกแนะนำไม่ควรบริโภคน้ำตาลจากอาหารทุกชนิดเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่จากผลการสำรวจปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มย่านการค้าและใจกลางเมืองกลับพบว่า เพียงบริโภคเครื่องดื่มหวาน 1 แก้ว (250 มล.) ก็มีปริมาณน้ำตาลที่เกินความต้องการที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันเกือบเท่าตัว นอกจากนี้จากเดิมที่คาดว่า เครื่องดื่มประเภทขุ่นที่มีส่วนผสมของนม นมข้นหวานหรือครีมเทียมจะมีปริมาณน้ำตาลมากกว่า แต่กลับพบว่าเครื่องดื่มประเภทใสกลับมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่า ซึ่งอาจเนื่องจากชามะนาวที่รสเปรี้ยวของมะนาว ทำให้ต้องใส่น้ำตาลเพิ่มความหวานมากขึ้น


ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้จัดการโครงการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน สสส. กล่าวว่า พฤติกรรมบริโภคเครื่องดื่มหวานบนถนนสายเศรษฐกิจสะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนวัยทำงานและนักศึกษา ซึ่งถือเป็นแรงงานที่สำคัญของประเทศ เป็นสัญญาณอันตรายโดยไม่รู้ตัว เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีสารอาหารน้อย แต่มีน้ำตาลและไขมันสูง ซึ่งเป็นรากของปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ทั้งเบาหวาน ความดัน จึงจำเป็นต้องรณรงค์ให้ความรู้มากขึ้น

Shares:
QR Code :
QR Code