พบคนวัยเกษียณเลิกบุหรี่สำเร็จสูงสุด

วิจัยชี้เป็นช่วงเปลี่ยนสำคัญที่คนมักหันมาดูแลตัวเอง

 

สำนักข่าวบีบีซีรายงานผลการวิจัยล่าสุดซึ่งศึกษาเกี่ยวกับการเลิกสูบบุหรี่และช่วงอายุคนจากประเทศอังกฤษ ซึ่งพบว่าคนในช่วงอายุวัยเกษียณมีอัตราการเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จสูงที่สุดเมื่อเทียบกับคนในช่วงอายุอื่นๆ

 

โดยการวิจัยนี้ทำขึ้นมาโดยโรงเรียนแพทย์เพนนินซูลา ในเมืองเดวอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นการศึกษาติดตามผลการเลิกสูบบุหรี่ของคนที่สูบบุหรี่จำนวนทั้งสิ้น 1,712 คน ทั้งหมดเป็นคนที่มีประวัติสูบบุหรี่มานานกว่า 6 ปี

 

ผลการศึกษาพบว่าคนที่เพิ่งผ่านการเกษียณอายุการทำงานมาหมาดๆ มีอัตราการเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จสูงที่สุดถึง 42.5% เทียบกับคนที่ยังอยู่ในวัยทำงานซึ่งมีเปอร์เซ็นต์การเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จที่เฉลี่ยประมาณ 29.3 เท่านั้นเอง

 

ทั้งนี้นักวิจัยระบุว่าการเกษียณนั้นอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้คนเราตัดสินใจในการทำอะไรต่างๆ เกี่ยววิถีการดำเนินชีวิตของตัวเองได้ง่ายกว่าเดิม อย่างไรก็ดีนักวิจัยเตือนว่าคนที่ยังทำงานอยู่และกำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่อยู่ก็ขอให้ทำต่อให้สำเร็จไม่ใช่เลิกล้มไปเสียด้วย เพราะว่าการวิจัยนี้บอกว่าต้องเมื่อเกษียณอายุการทำงานก่อนถึงจะทำได้สำเร็จง่ายกว่า

 

นพ.เอียน ลาง ผู้นำการวิจัยจากโรงเรียนแพทย์เพนนินซูลา กล่าวว่า “การเกษียณเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตคน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนวัยนี้ถึงได้เปลี่ยนแปลงอะไรๆ ในชีวิตได้สำเร็จกว่าในช่วงอื่นๆในชีวิต”

 

“สิ่งที่เรารู้สึกว่าน่าตื่นเต้นคือมีความเป็นไปได้ว่าสิ่งที่เราศึกษาพบจากความสำเร็จในการเลิกสูบบุหรี่ของคนวัยเกษียณจากการวิจัยนี้นี้ยังแสดงถึงแนวโน้มที่ดีอย่างอื่นที่คนวัยนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วย เป็นต้นว่าการเปลี่ยนแปลงเรื่องพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย” นพ.ลางกล่าว

 

ด้านคุณอมานด้า แซนด์ฟอร์ด จากองค์กรรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ก็ได้กล่าวเตือนนักสูบบุหรี่ในวัยยังไม่ถึงเกษียณด้วยเช่นเดียวกันว่าพวกเขาไม่ควรที่จะรอให้ถึงวัยเกษียณก่อนแล้วค่อยทำเพราะก็มีคนวัย 30 ปีกว่าๆ ปี 40 กว่าๆ หลายต่อหลายคนที่พยายามเลิกสูบบุหรี่แล้วก็ทำได้สำเร็จด้วยและเมื่อเลิกแล้วสุขภาพก็ดีขึ้น

 

“นอกจากนี้แล้วการสูบบุหรี่นั้นถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มีราคาแพงอีกต่างหาก และมีแต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ หากยังไม่เลิก” คุณแซนด์ฟอร์ด กล่าว

 

 

 

 

ที่มา : สำนักข่าวต่างประเทศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

ภาพประกอบ : www.bbc.co.uk

 

 

update 11-03-51