ผู้หญิง 1 ใน 3 เคยถูกคุกคามบนรถสาธารณะ
ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
ผลสำรวจพบ ผู้หญิง กทม. และปริมณฑล 1 ใน 3 เคยถูกคุกคามบนรถโดยสารสาธารณะ โดยส่วนใหญ่ตอบโต้ด้วยการนิ่ง-ชักสีหน้า น่าตกใจ 1.6% ของกลุ่มตัวอย่าง พบเคยถูกทำอนาจารหรือข่มขืน
เมื่อวันที่ 8 มี.ค. บริเวณเกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง ประกอบด้วย องค์การแอคชั่นเอด ประเทศไทย เครือข่ายสลัมสี่ภาค และมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมด้วยแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับชมรมพนักงานสอบสวนหญิง และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี 2560 ภายใต้แคมเปญ “เมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง” (Safe Cities for Women) โดยชูประเด็นหยุดการคุกคามทางเพศบนระบบขนส่งสาธารณะ
น.ส.รุ่งทิพย์ อิ่มรุ่งเรือง ผู้จัดการฝ่ายนโยบายองค์การแอคชั่นเอด ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองมีความเสี่ยงต่อปัญหาความรุนแรงทางเพศ สะท้อนจากข้อมูลปี 2552-2556 มีจำนวนคดีข่มขืนสูงถึง 30,000 คดีต่อปี ที่น่าห่วงคือมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพียง 4,000 คดี หรือเพียง 13% ของจำนวนคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่ล่าสุด กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ประกาศว่า กทม. มีจุดเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยสูงถึง 217 แห่ง ดังนั้น ปัญหาความไม่ปลอดภัยของผู้หญิงจึงเป็นที่มาของกิจกรรมรณรงค์ครั้งนี้ ซึ่งตรงกับวันสตรีสากล 8 มี.ค.
ทั้งนี้ เราหวังว่าจะช่วยสร้างความตระหนักถึงสิทธิของผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะ ที่จะเดินทางได้อย่างปลอดภัย ไร้อันตรายทุกรูปแบบ โดยแคมเปญ ‘เมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง’ เป็นการรณรงค์ในระดับนานาชาติ ในประเทศไทยปีนี้เราเริ่มที่กรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลก่อน โดยมีรถเมล์ ขสมก. เป็นต้นแบบของขนส่งสาธารณะ ที่ช่วยป้องกันและลดภัยจากการคุกคามทางเพศ ซึ่งในปี 2558 ขสมก. ได้ประกาศใช้นโยบายและแนวปฏิบัติเรื่อง การป้องปรามการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน เป็นรัฐวิสาหกิจแห่งแรกของประเทศไทยที่มีนโยบายชัดเจนและปัจจุบันยังได้ขยายมาตรการดูแลสวัสดิภาพความปลอดภัยของผู้โดยสารด้วย
ด้าน น.ส.วราภรณ์ แช่มสนิท แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ กล่าวว่า เครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิงได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์การคุกคามทางเพศบนระบบขนส่งสาธารณะ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่าง ก.ย.-ต.ค. 2559 โดยสำรวจจากผู้หญิงที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,500 คน พบว่าส่วนใหญ่ใช้บริการรถโดยสารประจำทางมากที่สุด รองลงมาเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ รถไฟฟ้าและรถสองแถวหรือรถตู้
เมื่อถามถึงสถานการณ์การเดินทางที่ผู้หญิงรู้สึกไม่ปลอดภัย และเสี่ยงต่อการถูกคุกคามทางเพศ มีคำตอบที่พบมากที่สุด คือ เดินเข้าซอยคนเดียว 26% เดินทางตอนเช้ามืดหรือตอนกลางคืน 25% นั่งรถแท็กซี่ 16% รองลงมาคือรถเมล์ รถไฟฟ้า รถตู้ รถสองแถว เรือ รถไฟ 13.5% และซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 10% ทั้งนี้มากกว่า 1 ใน 3 หรือ 36% ของผู้ตอบแบบสำรวจ เคยถูกคุกคามทางเพศขณะเดินทางหรือใช้บริการขนส่งสาธารณะ ที่พบมากสุด คือพูดแซว พูดลามก 26% รองลงมาคือการผิวปากใส่ 18% ลวนลามด้วยสายตา 18% แตะเนื้อต้องตัวหรือใช้อวัยวะถูไถ 17% โชว์อวัยวะเพศหรือสำเร็จความใคร่ให้ดู 7% สะกดรอยตาม 7% และโชว์คลิปโป๊หรือแอบถ่าย 6% ที่น่าตกใจคือ มีคำตอบจากผู้หญิงที่ตอบแบบสำรวจ 1.6% ระบุว่าเคยถูกทำอนาจารหรือข่มขืน
เมื่อถูกคุกคามทางเพศ กลุ่มตัวอย่าง 38% ตอบโต้ด้วยการนิ่ง หรือชักสีหน้าไม่พอใจ หรือพยายามหลีกหนี ส่วน 21% ตอบโต้ด้วยการโวยวาย พูดเสียงดัง ตะโกนด่า ขณะที่ 16% เลือกที่จะเฉยเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ มีเพียง 14% ของผู้ประสบเหตุ ที่เลือกแจ้งเหตุไปยังหน่วยบริการที่รับผิดชอบ และมีเพียง 12% ที่แจ้งตำรวจ สำหรับผลสำรวจสะท้อนว่า หากหน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่มีระบบป้องกันหรือติดตามเอาผิดผู้กระทำการคุกคามทางเพศอย่างจริงจัง ผู้กระทำก็จะย่ามใจ เกิดการกระทำซ้ำเป็นวงจร และทวีความรุนแรงขึ้น จึงขอให้สังคมไม่นิ่งเฉย ช่วยกันร่วมเฝ้าระวังและเป็นหูเป็นตา
ขณะที่ น.ส.จรีย์ ศรีสวัสดิ์ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการคุกคามทางเพศต้องเริ่มจากปรับเปลี่ยนวิธีคิด ในกรณีที่เกิดปัญหาแล้วต้องปกป้องคุ้มครองสิทธิผู้ถูกกระทำอย่างเข้าใจ ไม่กระทำซ้ำ ให้เข้าถึงบริการของรัฐได้อย่างสะดวก ขณะที่สังคมต้องมีมาตรการช่วยเหลือ ไม่นิ่งเฉย และมีมาตรการเอาผิดผู้กระทำ ที่สำคัญต้องปรับปรุงระบบการเดินทางให้ปลอดภัย เช่น มีไฟฟ้าส่องสว่างทั่วถึง มีมาตรการควบคุมปัจจัยกระตุ้น เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ส่วน นางยงค์ฉิมพลี พนักงานเก็บค่าโดยสาร ขสมก. กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ทำงานมากว่า 37 ปี พบเจอเหตุการณ์ลวนลามคุกคามทางเพศบนรถโดยสารบ่อยครั้ง เช่น ผู้โดยสารหญิงถูกเบียดทั้งที่รถไม่แน่น หรือผู้ลวนลามจงใจวางแขนสองข้างคร่อมพนักพิงที่นั่งด้านหน้า จนผู้หญิงที่นั่งเบาะหน้ารู้สึกไม่ปลอดภัย บางรายยืนโหนราวแล้วโยกตัวไปถูไถผู้โดยสารอื่นทั้งที่รถไม่ได้เบรก หรือถ้านั่งเบาะคู่ ผู้กระทำก็จะเบียดตัวไปจนติดกับผู้หญิงที่นั่งข้างๆ และมีกระทั่งการแอบรูดซิปกระโปรงจากด้านหลังเพื่อทำให้อับอาย ส่วนพนักงานเก็บเงินหญิงเองก็ถูกลวนลามทางสายตา หรือจับมือขณะทอนเงิน พฤติกรรมเหล่านี้เป็นภัยใกล้ตัว ซึ่งการช่วยเหลือของพนักงาน ขสมก. ส่วนมากจะใช้วิธีส่งเสียงดังให้ผู้โดยสารอื่นได้ยินเพื่อเป็นแนวร่วม และพาผู้โดยสารหญิงที่ถูกลวนลามลุกไปนั่งที่อื่น