ผู้ดีคาดอีก 5 ปีขยะอิเล็กทรอนิกส์พิษล้นโลก


ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจผู้คนอย่างร้ายแรง


นักวิจัยชาวอังกฤษนำเสนอภาพมืดของการพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีที หากภาครัฐ ผู้ผลิต ผู้บริโภคยังขาดความยั้งคิด ไม่เลือกสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาดอีก 5 ปีขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีพิษทั่วโลกมีมากกว่า 3 พันล้านชิ้น โดยเสนอทางออกให้ 3 ฝ่าย รัฐ เอกชน ประชาชนต้องร่วมมือและตระหนักในการมีส่วนร่วมลดปริมาณการใช้


           บ๊อบ เฮย์เวิร์ด นักวิจัยทางสิ่งแวดล้อม จากองค์กรวิจัยสปริงบอร์ด (springboard research) หัวหอกการวิจัยการบริโภคและการพัฒนาไอซีทีอย่างยั่งยืนภาคพื้นยุโรป กล่าวในฐานะเป็นวิทยากรเวทีสัมมนา ict forum ในงาน ict expo 2007 และ tam 2007 ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์การหยั่งรู้เรื่องการอนุรักษ์พลังงานอันเนื่องมาจากการใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เริ่มเลวร้ายลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลวิจัย พบว่า ปริมาณการเติบโต และการบริโภคสินค้าไอทีสวนทางกับการนำกลับไปใช้ใหม่ และความสามารถในการทำลายสินค้าหมดอายุในปัจจุบันนั้นมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นขยะเหลือทิ้งรอการทำลายหรือการนำไปรีไซเคิลกว่า 400 ล้านชิ้นทั่วโลก โดยมีเพียงแค่ร้อยละ 12 ที่สามารถนำกลับไปสู่กระบวนการผลิตได้


           “ปัญหาที่ประชาคมโลกควรตระหนักอย่างเร่งด่วน คือขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นพิษอันร้ายแรงต่อประเทศที่ถูกนำขยะไปทิ้ง หรือเป็น landfill อาทิ ในประเทศอินเดียและจีน ที่เด็กได้ถูกนำไปเป็นแรงงานในการแยกชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ใช้แล้วจากประเทศพัฒนาเป็นจำนวนมาก เป็นผลต่อสุขภาพ ร่างกายและจิตใจอย่างร้ายแรง โดยคาดว่าภายในปี 2555 จะมีปริมาณขยะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอย่างน้อย 3 พันล้านชิ้นทั่วโลก หรือกว่า 12 เท่า”


           ทั้งนี้นายเฮย์เวิร์ด เสนอแนะว่า แนวทางการจัดการกับวิกฤติการณ์ขยะล้นโลกต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้ง 3 ฝ่าย คือ ภาครัฐต้องมีการออกกฎและเพิ่มอำนาจการกำกับดูแลการประกอบการอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และบทลงโทษที่เข้มงวดกับการใช้ชิ้นส่วนปลอดสารพิษเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภคสามารถย่อยสลายได้ (bio-degradable) รวมถึงการจัดการกับของเสียจากการขั้นตอนการผลิต   ในส่วนภาคเอกชนโดยทั่วไปสามารถลดปริมาณของเสียไอทีด้วยการตั้งศูนย์ข้อมูลกลาง เพื่อจำกัดปริมาณอุปกรณ์ไอที ไฟฟ้าที่จะหมดอายุการใช้งานในอนาคต และผู้บริโภคหรือประชาชนทั่วไปนั้นควรจะลดและเลือกซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากบริษัทที่มีการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี





      

ที่มา

ข้อมูลจาก:
เทเลคอม เจอร์นัล

ภาพประกอบ:
www.thaihealth.or.th




update 11-12-50




 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ