ปิดเทอมสร้างสรรค์ วันว่างเด็กได้ประโยชน์
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก จัดกิจกรรมรณรงค์ปิดเทอมสร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนให้เด็ก เยาวชน ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมอย่างมีประโยชน์สูงสุด ที่บริเวณลานกิจกรรม ชั้น 35 อาคารเอสเอ็ม ทาวเวอร์ (สนามเป้า)
ท.พ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสสส.เปิดเผยว่า ปัจจุบันเด็กไทยใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมกับกิจกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ แม้ส่วนใหญ่ต้องการพื้นที่กิจกรรมสร้างสรรค์ แต่ยังมีไม่เพียงพอ สสส. จึงแนะนำให้ทุกหน่วยงานร่วมสร้างกิจกรรมสร้างสรรค์เด็ก โดยการจัดลานกิจกรรมในสถานที่ทำงาน เช่น วาดภาพ ระบายสี หรือกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้บุตรหลานของพนักงานในองค์กรได้มาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ รวมถึงเป็นการปลูกฝังความรู้สึกดีๆ ในการรักองค์กรที่ผู้ปกครองทำงาน
สังคมควรให้ความสำคัญของการจัดกิจกรรม เพื่อรองรับการใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เกิดประโยชน์ อาทิ เปิดสถานที่ราชการ ห้องสมุดสาธารณะ ให้เด็กๆ เข้าไปใช้งาน ทั้งนี้ สสส.และภาคีเครือข่าย ได้เห็นความสำคัญของการจัดกิจกรรม เพื่อรองรับการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ดังนั้น สสส.จึงได้จัดกิจกรรม 32 กิจกรรม แบ่งเป็น 5 ด้าน
ด้านแรก สนุกสุดมันกับกิจกรรมสร้างสรรค์ อาทิ อบรมจัดทำหนังสั้น ผลิตเพลงและมิวสิควิดีโอ ดนตรี ละคร ศิลปะ ด้านที่สอง แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย อาทิ อบรมสอนว่ายน้ำ กิจกรรมเดิน-วิ่ง ด้านที่สาม การฝึกทักษะสร้างอาชีพ ด้านที่สี่ อบรมกิจกรรมเสริมปัญญา และด้านที่ห้า ค่ายอาสาสร้างสุข เช่น อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น นอกจากนี้ สสส.ยังได้เปิดเว็บไซต์ www.happyschoolbreak.com ซึ่งผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถสอบถามข้อมูลได้
หลังจากเมื่อปี 2553 สสส.ทำกิจกรรมช่วงปิดเทอม 152 โครงการ ครอบ คลุมเด็ก 5 แสนคนใน 30 จังหวัด และในปี 2554 นี้ จะนำกิจกรรมทั้งหมดมาบูรณาการ เช่น ทำค่ายอาสา ค่ายสร้างสื่อสร้างสรรค์ ออกกำลังกาย พัฒนาทักษะชีวิต เป็นต้น
ด้าน น.พ.สุริยเดว ทรีปาตรี ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สสส. กล่าวว่า ปิดเทอม 1 ครั้ง เด็ก 70-80% จะมีน้ำหนักตัวขึ้น 3-4 กิโลกรัม เพราะส่วนใหญ่เด็กจะใช้เวลาดูทีวี เล่นเกม กินอาหารไม่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะเด็กในเขตเมือง เนื่องจากเด็กไม่ทำกิจกรรม ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพ ทั้งอ้วน สายตาสั้นเทียม ฟันผุ ลดทอนพัฒนาการ และติดเกม ซึ่งนำไปสู่ความก้าวร้าว
เพราะฉะนั้นกิจกรรมต่างๆ ที่สสส. และภาคีเครือข่าย จัดขึ้นจะมีประโยชน์และสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ดังนั้น พ่อแม่ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก สลับสับเปลี่ยนกันทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยมี 6 ฐานกิจกรรมสำคัญ ได้แก่
1.ดนตรี ดูหนัง ฟังเพลง 2. ศิลปะ วาดภาพ สร้างงานศิลปะ 3. สร้างปัญญา เช่น เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในประเทศไทยมีพิพิธภัณฑ์ กว่า 700 แห่งทั่วประเทศ เกมที่สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ 4. จิตวิญญาณ เช่น การเที่ยววัด โดยการให้เด็กเป็นมัคคุเทศก์น้อยในชุมชน 5. พลังกาย เพิ่มการออกกำลังกาย ผจญภัย ท่องเที่ยว และ 6. ฟรีเพลย์ คือ ให้เด็กทำในสิ่งที่ชอบ โดยกิจกรรมเหล่านี้สามารถพัฒนาทักษะได้ทุกวัย การสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมสร้างสรรค์ ในช่วงปิดเทอม นอกจากครอบครัวแล้ว ชุมชน โรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการคุ้มครองเด็กระดับจังหวัด ต้องช่วยกันสร้างเสริมพัฒนา ป้องกันเด็กไปพร้อมๆ กัน เพราะจะช่วยลดความเสี่ยง ทั้งอุบัติเหตุ ยาเสพติด การทะเลาะวิวาท การติดเกมได้ โดยหน่วยงานที่จัดกิจกรรมวันเด็กพิจารณาขยายกิจกรรมเพื่อเด็กจาก 1 วัน สลับสับเปลี่ยนกันทำทั้งช่วงปิดเทอมแทน เพราะจะได้รับประโยชน์อย่างมาก
นางกีรติกา แพงลาด หรือแม่ตุ๊ก พ่อแม่อาสาเครือข่าย มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า ตนสนับสนุนให้ลูกทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอมมาโดยตลอด ซึ่งลูกจะเลือกกิจกรรมเอง ทั้งนี้กิจกรรมช่วงปิดเทอมเป็นประโยชน์มาก เพราะเด็กจะได้ไม่เสียเวลาไปกับการเล่นเกมที่ไม่สร้างสรรค์
แม่ตุ๊กบอกด้วยว่า ยอมรับว่าขณะนี้พื้นที่สีขาวที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กน้อยลง ขณะที่พื้นที่แหล่งอบายมุขกลับเพิ่มมากขึ้น และวัยรุ่นมักตามกระแส ทำอะไรตามเพื่อน ดังนั้น ผู้ปกครองควรเอาใจใส่มีเวลาให้ลูกมากขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลควรมีนโยบายให้วันที่โรงเรียนเรียกประชุมผู้ปกครองไม่ถือเป็นวันลา เพราะช่วยทำให้ผู้ปกครองรับรู้ถึงพฤติกรรมของเด็กระหว่างอยู่ในโรงเรียนได้
“สำหรับกิจกรรมที่อยากแนะนำคือ ดนตรี กีฬา ศิลปะ เพราะเป็นกิจกรรมที่เหมาะจะให้ลูกมาเรียนรู้ในช่วงปิดเทอม เพราะจะช่วยพัฒนาทางด้านอารมณ์ ทำให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ส่วนการให้ลูกทำกิจกรรมทางวิชาการอย่างเดียวนั้น เด็กอาจจะขาดปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน” แม่ตุ๊กกล่าว
ด.ญ.ชลาลัย โตสอาด อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นป.6 โรงเรียนวัดดวงแข กรุงเทพฯ กล่าวว่า ปิดเทอมครั้งนี้ หากมีสถานที่ที่เหมาะสม ก็อยากจะชวนเพื่อนไปว่ายน้ำ เพราะการว่ายน้ำถือว่าเป็นการออกกำลังกาย สำหรับเพื่อนที่ติดเกม ติดคอมพิวเตอร์ หรือไม่ได้ทำกิจกรรม อยากชวนให้มาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์
น.ส.ไพรำ เอรัสสะ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม.6 โรง เรียนเบญจมเทพอุทิศ จังหวัดเพชรบุรี สมาชิกเยาวชนกลุ่มลูกหว้า กล่าวว่า ตนเป็นสมาชิกเยาวชนกลุ่มลูกหว้า ซึ่งปิดเทอมครั้งนี้ ตนจะเข้าร่วมจัดกิจกรรมเผยแพร่งานศิลปวัฒนธรรมและสื่อพื้นบ้านเมืองเพชร ที่บริเวณศาลาเชิงเขาวังเคเบิลคาร์ สถานีรถไฟฟ้าขึ้น-ลง พระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี เป็นประจำทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ อาทิ ทำพวงมโหตร ตอกลายกระดาษ ตอกหนังตะลุง ปั้นหัวโขน ทำกระดาษรีไซเคิล เป็นต้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ กลุ่มลูกหว้า เป็นลูกหลานคนเมือง เพชรบุรี กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่มีสมาชิกทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ รวมตัวกันขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เวลาว่างเท่าที่แต่ละคนมีอยู่ มาช่วยกันทำกิจกรรมเพื่อสังคมและกิจกรรมสาธารณประโยชน์ในโอกาสต่างๆ รวมทั้งช่วยกันประชาสัมพันธ์ เผยแพร่สื่อพื้นบ้าน งานสกุลช่างเมืองเพชร งานภูมิปัญญาพื้นบ้านด้านอื่นๆ ของคนเมืองเพชรให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
พวงมโหตร (พวง-มะ-โหด) คำที่หลายคนไม่ทราบความหมาย ไม่เคยได้ยิน ทั้งที่อาจจะเคยผ่านตามาแล้ว ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2542 อธิบายว่า เป็นพวงอุบะ ซึ่งห้อยประดับอยู่ที่คันดาลฉัตร ทำด้วยผ้าตาดทอง ส่วนคันดาลฉัตร คือคันฉัตรที่มีรูปเป็นมุมฉาก 2 ทบอย่างลูกดาล เพื่อปักให้ฉัตรอยู่ตรงเศียรพระพุทธรูป
พวงมโหตรในที่นี้ หมายถึง พวงมโหตรแบบบ้านๆ ที่ติดอยู่ตามธงราว ห้อยระย้าตามสถานงานมงคล มีให้เห็นบ้างตามวัดในชนบท ทำด้วยกระดาษสี ตอกลายเป็นรูปนักษัตร ปัจจุบันหาดูได้ยาก พวงมโหตร มีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่น ตามแต่ละถิ่นเช่น แพร่ น่าน เชียงใหม่ เรียกตุงไส้หมู นครสวรรค์ ระยอง เรียกพวงเต่ารั้ง เลย อุดรธานี เรียกพวงมาลัย แต่สำหรับเพชรบุรี เรียกพวงมโหตร
ที่มา: เว็บไซต์ข่าวสด