ปิดฉากรุ่น2 ‘ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้’
เดินทางเข้าสู่วันสุดท้ายกับโครงการพี่สอนน้อง 'ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้ กับ สสส.' เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่สระว่ายน้ำ ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จ.สุรินทร์ หลังจากมีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 172 คน แบ่งเป็นเยาวชนผู้เข้ารับการฝึกสอนว่ายน้ำเบื้องต้นจำนวน 130 คน และอาสาสมัครครูผู้ช่วย อีกจำนวน 42 คน ได้รับการถ่ายทอดสาระความรู้อย่างแน่นเอี้ยดตลอดระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมา
แฟ้มภาพ
ในวันสุดท้ายนี้ เหล่าวิทยากรจากสมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย นำโดย อาจารย์วรพงศ์ พัชรวิชญ์ ฝ่ายเทคนิคและประธานผู้ตัดสินสมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย อดีตผู้ฝึกสอนว่ายน้ำทีมชาติไทย ยังคงเตรียมสิ่งดีๆ ไว้รอมอบให้แก่ผู้เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นตั้งแต่ในช่วงเช้า 10.00 น. วิทยากรทั้ง 12 คน ได้จำแนกเยาวชนออกเป็น 5 กลุ่ม เพื่อออกไปเรียนรู้กลวิธีการช่วยคนจมน้ำในรูปแบบต่างๆ ตามฐานเรียนรู้ทั้ง 5 ฐาน โดยมีครูผู้ช่วยคอยแบ่งทีมดูแลน้องๆ หนูๆ ในแต่ละฐานอย่างใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตา
ทั้งนี้ วิธีการช่วยคนจมน้ำแบ่งเป็น 3 แบบ 1. การยื่น คือเป็นการพบคนจมน้ำในระยะสั้น ใกล้ๆ กับที่เราอยู่ จะทำการช่วยเหลือโดยยื่นเอาสิ่งของต่างๆ ให้โดยเราไม่ต้องลงน้ำ ประกอบด้วย เสื้อชูชีพ, เชือก, ห่วงยาง, ถัง, ขวดเปล่า หรือรองเท้าแตะ 2. การโยน และ 3. การลุย คือการว่ายน้ำลงไปช่วยโดยมีอุปกรณ์ตามข้อแรกลงไปด้วย
จากนั้นในช่วงเวลา 11.00 น. ก็ถึงไฮไลต์สำคัญของโครงการนี้ นั่นคือการที่ทางวิทยากรได้เชื้อเชิญ 2 นักว่ายน้ำหนุ่ม-สาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศอย่าง "เบญ" เบญจพร ศรีพนมธร เงือกสาวทีมชาติไทยวัย 21 ปี เจ้าของ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน จากกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่ประเทศเมียนมาร์ เมื่อปี 2013 และ "เต้" ธันยนันท์ ผดุงเกียรติวัฒนา อดีตฉลามหนุ่มทีมชาติไทย วัย 26 ปี ดีกรี 1 เหรียญเงิน 1 ทองแดง กีฬาซีเกมส์ที่นครราชสีมา เมื่อปี 2007 มาว่ายสาธิตให้กับน้องๆ หนูๆ เข้าใจวิธีการว่ายที่ถูกต้อง และพัฒนาการว่ายในท่าต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
เงือกสาวทีมชาติไทยเผยถึงความรู้สึกว่า จริงๆ ตนได้มีโอกาสร่วมงานกับสสส. อยู่บ่อยๆ เพราะในแต่ละงานที่ สสส. จัดขึ้นล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ และมีความสำคัญต่อสังคมทั้งนั้น และกับโครงการครั้งนี้ก็ถือเป็นอะไรที่มีแต่ประโยชน์ เพราะทราบมาด้วยว่าทางจังหวัดสุรินทร์กำลังประสบปัญหามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจมน้ำในจำนวนที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของไทย ดังนั้นจึงอยากฝากให้เยาวชนทั้งในสุรินทร์ และทั้งประเทศไทยเองหันมาเรียนรู้การว่ายน้ำเยอะๆ เพราะมันเป็นอะไรที่ได้แต่ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลดการเกิดอุบัติเหตุการจมน้ำ แถมยังได้เรื่องสุขภาพที่แข็งแรง และได้เล่นกีฬาอีกด้วย
ขณะที่อดีตฉลามหนุ่มทีมชาติไทยเผยว่า พอทาง สสส. ติดต่อไปก็ตอบรับเข้าร่วมโครงการทันที เพราะเป็นคนที่ชอบภาพเด็กๆ ร่วมกันทำกิจกรรมว่ายน้ำกลุ่มใหญ่ๆ แบบนี้ เพราะเห็นแล้วสุขใจมากๆ ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงสถานที่จัดกิจกรรมทุกอย่างก็ดูเกินเป้ามากๆ คนสุรินทร์ให้ความสนใจกับโครงการนี้กันมากมาย ต้องขอบคุณทางผู้ปกครองทุกท่านด้วยที่เล็งเห็นความสำคัญในการว่ายน้ำให้เป็นของเด็กๆ โดยรวมแล้วมีความสุขมากในครั้งนี้ และหากไม่ติดอะไรทั้งตนและเบญจพรก็จะมาร่วมโครงการพี่สอนน้องเช่นนี้เรื่อยๆ แน่นอน
หลังจากที่เยาวชนทุกคนได้สนุกสนานเพลิดเพลิน ที่ได้ว่ายน้ำกับนักกีฬาระดับทีมชาติแล้ว ในช่วงบ่ายก็เดินหน้ากันต่อกับกิจกรรมสันทนาการผ่อนคลายที่ อ.วรพงศ์ วางโปรแกรมเอาไว้ให้ทุกคนได้ร่วมกันเล่นโปโลน้ำ โยนบอลกันบนน้ำอย่างครึกครื้น ก่อนที่ในเวลา 15.30 น. ถึงคราวที่ทุกคนในโครงการจะขึ้นจากน้ำแล้วไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะเข้าสู่พิธีปิดโครงการอย่างเป็นทางการ
ในพิธีปิด 3 วิทยากรคนสำคัญประจำโครงการ อาจารย์วรพงศ์ พัชรวิชญ์, อาจารย์ชวน กสิกร ผู้ช่วยศาสตราจารย์และอดีตรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม และ อาจารย์สายชล ทองคำ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม นำวิทยากรจากสมาคมว่ายน้ำแห่งประเศไทย ทั้ง 12 คน ทำการมอบเกียรติบัตรสำเร็จโครงการพี่สอนน้อง "ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้ กับ สสส." ให้แก่เยาวชนที่เข้ารับการฝึกสอนว่ายน้ำเบื้องต้นจำนวน 130 คน และอาสาสมัครครูผู้ช่วย อีกจำนวน 42 คน รวม 172 คน พร้อมทำการถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกันอย่างอบอุ่น
"น้องโก้" วันชัย ปรางค์ชัยกุล วัย 13 ปี นักเรียนชั้นม.1 จากร.ร.เทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ จ.สุรินทร์ หนูน้อย 1 ใน 130 เยาวชนผู้เข้าร่วม ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า "โครงการนี้สนุกมากครับ ได้ความรู้เรื่องการว่ายน้ำกลับไปเยอะ ก่อนมาผมว่ายน้ำไม่เป็น แต่พอได้เรียนรู้สองวันก็เป็นแล้ว และที่มาก็เพราะที่บ้านรู้ว่ามีคนในจังหวัดตายเพราะจมน้ำเยอะมาก พอกลับไปเลยคิดว่าจะเอาความรู้ที่ได้ไปสอนน้องที่บ้านต่อครับ"
ด้าน อ.วรพงศ์ อีกหนึ่งหัวเรี่ยวหัวแรงของงานที่ร่วมโครงการครั้งนี้มาตั้งแต่รุ่นที่ 1 กล่าวทิ้งท้ายว่า "ต้องขอบคุณการร่วมมืออันดีของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ที่สร้างโปรเจกต์แบบนี้ขึ้นมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอด 3 วันที่ผ่านมาถือว่าบรรลุเป้าหมายที่โครงการตั้งวัตถุประสงค์ไว้แต่แรก อย่างแรกเลยคือ เด็กๆ ชาวสุรินทร์จะมีความสามารถในการว่ายน้ำมากขึ้นแล้ว ส่วนประโยชน์อีกเรื่องที่สำคัญมากก็คือ การได้บุคลากรครูผู้ช่วยทั้ง 42 คน ที่จบหลักสูตรการเป็นครูสอนว่ายน้ำเบื้องต้นจากโครงการนี้ พวกเขาจะนำเอาวิชาที่ได้ทั้งหมดไปเผยแพร่ตามสถาบันต่างๆ ทั้งในจ.สุรินทร์ และจังหวัดใกล้เคียงทั้งหมดจะนำไปสู่การลดอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจมน้ำได้ต่อไปในอนาคต และต้องขอขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่เดินทางมาด้วยกันอย่างมีความสุขจนจบโครงการ"
จากความสำเร็จในโปรเจกต์ครั้งนี้ ไม่แน่ว่าในภายภาคหน้าอาจจะมีการจัดโครงการเพื่อสังคม เพื่อคนไทยในรูปแบบโร้ดโชว์ต่างจังหวัดอีกครั้งก็เป็นได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามกีฬา