ปาร์ตี้ปีใหม่ด้วยอาหารไทย ปลอดภัย ไม่อ้วน
แนะหลัก 3 อ.ช่วยได้
ได้เวลา “ปาร์ตี้” กันอีกแล้วกับการเลี้ยงฉลองก้าวเข้าสู่ปีใหม่ด้วยการดื่มไม่ยั้ง กินไม่อั้น ทั้งเค้ก คุกกี้ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่โดนซัดสาดเข้าไปในลำคอชิ้นแล้วชิ้นเล่า แก้วแล้วแก้วเล่า โดยหารู้ไม่ว่าการกินไม่ยั้งในช่วงเทศกาลเพียงไม่กี่วัน อาจทำให้ชีวิตของคุณต้องตกอยู่ในอุ้งมือของเจ้ามฤตยูร้ายอย่าง “โรคอ้วน” ได้ในพริบตาเดียว
เพราะคนส่วนใหญ่มักคิดว่า กินขนมเค้กหรือคุกกี้ชิ้นเล็กๆ คงไม่ทำให้อ้วนเท่าไหร่ แต่ขอบอกไว้เลยว่า คุณคิดผิด! เพราะขนมเค้กชิ้นจิ๋วๆ ขนาดประมาณ 35 กรัม กลับให้พลังงานถึง 140 กิโลแคลอรี่…ลองคิดดูเล่นๆ ว่า ถ้าคุณกินขนมเค้กติดต่อกันในปริมาณ 1 ปอนด์ต่อวัน จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานถึง 1,600 กิโลแคลอรี ซึ่งเป็นปริมาณพลังงานเกือบเท่ากับที่ร่างกายต้องการจากอาหารอื่นถึงวันละ 2,000 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.พญ.วรรณี นิธิยานันท์ ประธานเครือข่ายคนไทยไร้พุง เล่าให้ฟังว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาโรคอ้วนและเกิดการตื่นตัวเป็นอย่างมาก ซึ่งคนไทยป่วยด้วยโรคอ้วนและมีเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น อาทิ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไขมันในเลือดสูง และโรคกระดูกข้อผิดปกติ แต่ปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ โดยการใช้ หลัก 3 อ. คือ ออกกำลังกาย เลือกประเภทอาหาร และควบคุมอารมณ์ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีความรู้ ความเข้าใจ และตั้งใจจริงของประชาชนควบคู่ไปด้วย
ว่าแล้ว! ก็มาเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเสี่ยงๆ ในช่วงปีใหม่ด้วยการจัดปาร์ตี้แบบสุขภาพดีรับปีใหม่กันดีกว่า ด้วยการใช้หลัก 3 อ. กันดีกว่า…
เริ่มจาก อ.อาหาร ที่เป็นสาเหตุสำคัญทำให้คนไทยเกิดสภาวะโรคอ้วน อันเนื่องมาจากการรับประทานที่เกินพอดี มิหนำซ้ำยังไม่มีประโยชน์และมีน้ำตาลหรือคอเลสเตอรอลสูงอีกต่างหาก ดังนั้น ปาร์ตี้ปีใหม่ปีนี้ จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยการปรับเมนู อาทิเช่น จากที่เคยฉลองด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือน้ำอัดลม ก็ทำเก๋ด้วยการนำผักผลไม้หลากสีที่ทำจากวัตถุดิบทางธรรมชาติมาเป็นเครื่องดื่มในงานแทน อาทิ น้ำสีส้มที่ทำมาจากแครอทที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน น้ำสีเขียวที่ทำจากใบบัวบกที่มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา และยังมีวิตามินบี 1 สูงกว่าผักหลายๆ ชนิด น้ำสีเหลืองที่ทำมาจากสับปะรด ที่อุดมไปด้วยวิตามิน C และมีโพแทสเซียมสูงช่วยป้องกันการเป็นตะคริว และน้ำสีแดงที่ทำจากกระเจี๊ยบ ที่มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา…เรียกได้ว่า ทั้งสวย อร่อย แถมมีประโยชน์อีกด้วย
ส่วนอาหารในงานเลี้ยงก็เปลี่ยนจากเค้ก คุกกี้ หอมทอด มันฝรั่งทอด มาเป็นอาหารไทยๆ อย่างอาหารทะเลหรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า ซีฟู้ด ที่รวมเอาของอร่อยจากท้องทะเลหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึก กุ้ง หอย ปู และปลา มารวมอยู่ในจานเดียวกัน ซึ่งอาหารทะเลนอกจากจะเป็นโปรตีนชั้นดีแล้ว ยังมีความพิเศษตรงที่มีแร่ธาตุสำคัญอย่าง ไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก รวมถึงวิตามินบี 1, บี 2 และบี 6 อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ บ้านเรายังมีอาหารสุขภาพดีๆ อย่าง น้ำพริกเผารำข้าวสกัด ไก่ทอดตะไคร้ ข้าวแคบน้ำผักโขม ข้าวยำปักษ์ใต้ และ ยำถั่ว 3 กษัตริย์ ที่หากบ้านไหนนำไปขึ้นโต๊ะในงานเลี้ยง รับรองว่าเก๋ไก๋ไม่ซ้ำแบบใครแน่นอน เพราะนอกจากจะมากด้วยคุณประโยชน์แล้ว หน้าตาของอาหารก็ยังสวยงาม น่ารับประทาน แถมรสชาติยังแซบถึงทรวง แล้วอย่างนี้จะทิ้งอาหารไทยไปหาอาหารฝรั่งกันได้ลงคอเชียวหรือ?
สำหรับคนที่ออกไปปาร์ตี้นอกบ้าน อย่าอดอาหารเพื่อที่จะไปกินให้เต็มที่ ควรกินอาหารรองท้องบ้างเล็กน้อยจากที่บ้าน หรือที่ทำงานก่อนไปงานเลี้ยง เพราะความหิวมักทำให้ยับยั้งใจยาก ทำให้คุณกินอาหารในงานเลี้ยงมากเกินไป และควรเดินดูอาหารในงานให้ทั่วเสียก่อน และตักแค่พออิ่ม โดยเมนูที่ควรเลือกรับประทานในงานเลี้ยง คือ อาหารประเภทต้ม ยำ นึ่ง และน้ำพริก แทนอาหารประเภททอดที่มีน้ำมันเยิ้ม ชุบแป้งทอดหนาๆ นอกจากนี้ยังควรเลือกกินผลไม้แทนขนมหวานหรือเค้กจะดีกว่า เพราะยังได้รับวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
เมื่อได้หลักการรับประทานอาหารในงานปาร์ตี้ทั้งในและนอกบ้านแล้ว ก็มาต่อกันที่ อ.อารมณ์ คือ การข่มอารมณ์อยากกิน สังเกตว่าปัจจัยใดเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความอยากรับประทาน และพยายามหลีกเลี่ยงหรือสะกดใจตัวเองให้มากขึ้น ไม่ตามใจปากมากจนเกินไป เพราะถ้าทานเกินพอดี อาจจะก่อให้เกิดโรคอ้วนได้
และสุดท้าย อ.ออกกำลังกาย ในงานเลี้ยงคุณอาจสนทนาเฮฮากับเพื่อน หรือเดินแวะทักทายคนรู้จักบ้าง เพราะการยืน เดิน จะทำให้เกิดการใช้พลังงานสะสมของร่างกายออกไปส่วนหนึ่ง เมื่อจบงานเลี้ยงไปแล้ว คุณควรออกกำลังกายควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารอยู่เสมอ โดยแทรกรูปแบบการออกกำลังกายในชีวิตประจำวันหรือมีกิจกรรมที่ใช้พลังงานให้มากขึ้น อาทิ การทำงานบ้าน ล้างรถ ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬา เข้าฟิตเนส เหล่านี้ก็จะช่วยให้ร่างกายเกิดการใช้พลังงานส่วนเกินที่สะสมไว้ออกไป ทำให้คุณควบคุมน้ำหนักตัวได้ดีขึ้นด้วย ที่สำคัญควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 – 60 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อเป็นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง
มาเริ่มปีใหม่ ปาร์ตี้ใหม่ ไร้โรคอ้วนมากวนใจ ด้วยการดูแลสุขภาพทั้งของตนเองและครอบครัว ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ปีใหม่ปีนี้ เป็นปีที่ “ปลอดภัย ไร้พุง”…^^
เรื่องโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th
Update 24-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์