ปากนกกระจอกสังเกตง่ายรักษาได้

ที่มา : SOOK Magazine No.74


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


ปากนกกระจอกสังเกตง่ายรักษาได้ thaihealth


หลายคนอาจเคยเป็นหรือได้ยินชื่อ “โรคปากนกกระจอก” สังเกตุจากแผลที่มุมปากอย่างชัดเจนซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โรคนี้แม้ไม่ร้ายแรงและสามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็ควรหมั่นสังเกตตนเองเพื่อให้รับมือกับโรคได้อย่างถูกวิธี


โรคปากนกกระจอก


ปากนกกระจอก (Angular Cheilitis) เป็นภาวะอักเสบบริเวณมุมปาก แสดงอาการในลักษณะแผลเปื่อย เจ็บปาก อาจมีรอยแดง บวม ตึงที่มุมปากข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง แม้ไม่ใช่โรคติดต่อไม่ร้ายแรง สามารถหายได้เองภายใน 7-10 วัน แต่อาจนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดปากนกกระจอก


อาการปากนกกระจอก


สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งข้างเดียวและสองข้าง อาการต่าง ๆ จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล สามารถสังเกตได้ดังนี้


– แผลเปื่อยแตกเป็นร่องที่มุมปาก


– เจ็บ คันระคายเคืองมุมปาก


– เกิดรอยแดงและเลือดออก


– มีตุ่มพองและของเหลวด้านใน


– เกิดสะเก็ดแผล


– ปากบวม ลอก แห้ง แตก ตึง


อาการต่าง ๆ ล้วนส่งผลให้ความอยากอาหารลดลง เนื่องจากกินลำบากมากขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดเชื้อราที่ผิวหนังหรือแผลติดเชื้อแบคทีเรีย ลุกลามไปรอบ ๆ บริเวณที่เกิดโรคปากนกกระจอกได้


การป้องกันปากนกกระจอก


– กินอาหารที่มีวิตามินบี อาทิ ปลา ตับ ถั่ว นม ฯลฯ


– กินอาหารที่มีธาตุเหล็ก อาทิ เนื้อแดง ใบกะเพรา หอย ไข่แดง ธัญพืช


– เลิกนิสัยชอบเลียมุมปาก ไม่กัดหรือเลียริมฝีปาก เมื่อแห้งหรือแตก


– งดผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคือง ที่ริมฝีปากอย่างลิปสติก ยาสีฟัน


– ทาปากด้วยลิปบาล์มเพื่อความชุ่มชื้นของผิว ลดอาการปากแห้งและการระคายเคืองทางผิวหนัง


– ไม่ใส่ฟันปลอมขณะนอนหลับ ดูแลความสะอาด อยู่เสมอ


– งดสูบบุหรี่


เรื่องต้องรู้ ห้ามใช้ลิ้นเลียมุมปากที่มีแผลจะยิ่งทำให้แผลแห้งและตึงยิ่งกว่าเดิม เมื่อต้องอ้าปากกว้างๆ มีโอกาสเลือดออกได้ อาการของโรคปากนกกระจอกที่บ่งบอกว่ารุนแรง คือ มีเลือดออก ถ้าเป็นโรคปากนกกระจอกบ่อย ๆ ซ้ำไปซ้ำมา จะเกิดแผลเป็นบริเวณมุมปาก ซึ่งควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติมของการเกิดโรคซ้ำ

Shares:
QR Code :
QR Code