ปัญหาเด็กท้อง-ทำแท้ง’แก้ด้วยเพศศึกษา’
ข้อเสนอที่ไม่ใช่เรื่องง่าย
หลังมีการพบศพทารกจำนวนมากที่เกิดจากการ “ทำแท้ง”กระแสวิจารณ์ปัญหานี้ก็โหมแรงขึ้นมาอีกครั้งในสังคมไทยโดยแนวทางแก้ไข-ป้องกันปัญหานี้ตามที่มีการพูด ๆ กันก็มีทั้งด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับการทำแท้ง และรวมถึงการสอน “เพศศึกษา”ให้กับเด็กไทย ซึ่งเรื่องนี้นับวันจะเป็นปัญหาที่ใหญ่มากในสังคมไทย
เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขกันจริงจังจริง ๆ และถูกจุดทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์”ก็มีการนำเสนอเรื่องนี้ ในมุมของการตั้งท้องในวัยยังเป็นเด็กหญิงอย่างไรก็ตาม ได้เกิดการคลาดเคลื่อนทางข้อมูล ซึ่งก็ต้องนำมาชี้แจงกัน ก่อนที่จะเดินหน้ากันต่อในการสะท้อนแง่มุมที่จะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาสังคมปัญหานี้ โดยส่วนแรกที่จะชี้แจงคือ พรรณอุมาสีหะจันทร์ ผู้ให้สัมภาษณ์นั้น สถานะที่ถูกต้องคือ เจ้าหน้าที่โครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ องค์การแพธ
ส่วนต่อมา ตามที่มีการนำเสนอถึงประเด็นครอบครัวกับปัญหาการท้องก่อนวัยอันควรนั้น ทั้งนี้ ในประเด็นครอบครัวนั้นมิใช่คำให้สัมภาษณ์ของพรรณอุมา นอกจากนี้ ทางผู้ให้สัมภาษณ์เป็นคนหนึ่งที่ทำงานในเรื่องเพศ/เอดส์ ไม่มีทรรศนะ-ไม่ใช้คำว่า “วัยอันควร”ในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจากเนื้อหาที่มีการนำเสนอไป ที่บางช่วงมีประโยคที่ว่า “ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร” นั้น ก็มิใช่ทรรศนะของพรรณอุมาแต่อย่างใด
อีกส่วนที่มีการนำเสนอไปคือเรื่อง “รักนวลสงวนตัว” ซึ่งตามที่พรรณอุมาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ เป็นการพยายามยกตัวอย่างของการสอนเพศศึกษา ที่ไม่ได้สอนเรื่องเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสอนอย่าง “รอบด้าน” ซึ่งจะมีทั้งเรื่องทักษะส่วนบุคคล เช่นการรู้จักปฏิเสธ หรือสังคมวัฒนธรรม เช่น การสอนให้ผู้ชายมีประสบการณ์ในเรื่องเพศ ขณะที่ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ซึ่งการสอนเช่นนี้จะเป็นไปได้เช่นไร เมื่อวิธีการสอนไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เสมอภาคกัน และนั่นย่อมไม่ได้หมายความว่า เน้นให้ “รักนวลสงวนตัว”
ที่ว่ามาก็เป็นสาระสำคัญที่ทาง “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ขอชี้แจงไว้ ณ ที่นี้ และพร้อมกันนี้ทางโครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจองค์การแพธ ก็มีแง่มุม-มุมมองต่อปัญหาท้อง-แท้ง-เพศศึกษาที่น่าพิจารณา ผ่านบทความเรื่อง…แก้ปัญหาท้อง แท้ง ด้วย “เพศศึกษา”ข้อเสนอที่ไม่ใช่เรื่องง่าย?!?ซึ่งเนื้อหานั้นมีดังนี้คือ…………..”เพศศึกษา”มักถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเสมอ ๆ เมื่อสังคมประสบกับปัญหาในเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์วัยรุ่นของไทยตั้งครรภ์จนเป็นแชมป์เอเชีย เพราะมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าประเทศอื่นในแถบนี้ เรื่องแท้งที่เป็นข่าวครึกโครมอยู่เป็นอาทิตย์ หรือไม่ว่าจะในวันเอดส์โลกที่กำลังจะผ่านพ้นไป
ในความเห็นของคนทำงานผลักดันให้เกิดการเรียนการสอนเพศศึกษาอย่าง วรานุช ชินวรโสภาคผู้จัดการโครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ องค์การแพธ บอกว่า เป็นสัญญาณที่ดีที่คนในสังคมคิดว่าเพศศึกษาจะช่วยแก้ปัญหาได้ แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น คือต้องคิดให้ชัดเจนว่าใครบ้างที่ควรจะมีบทบาททำให้เด็กได้เรียนเพศศึกษา เช่น จะให้โรงเรียนสอน หรือจะให้พ่อแม่คุยกับลูก และสอนอย่างไร
“ถ้าจะให้โรงเรียนสอน นั่นแปลว่า กระทรวงศึกษาฯต้องเป็นหน่วยสำคัญที่ต้องลงมือทำหรือไม่ ซึ่งการเสนอความเห็นไม่ใช่แค่พูดลอย ๆ แต่ต้องติดตามทวงถามเรื่องนี้ เพราะมาตรการที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นยังไม่ถูกให้ความสำคัญ”วรานุชบอก พร้อมเสนอให้สื่อทำหน้าที่ติดตาม ว่ามีความคืบหน้าหรือไม่ อย่างไร
แม้จะมีความพยายามผลักดันให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอน “เพศศึกษา” แต่ผู้จัดการโครงการก้าวย่างฯ ให้ความเห็นว่าภาพการสอนเพศศึกษาในปัจจุบันก็เป็นไปตามสังคม ที่มีความเชื่อว่าเยาวชนไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการศึกษาก็จัดไปตามวิธีคิดเช่นนั้น ซึ่งโครงการฯ พยายามทำให้เห็นว่าเรื่องเพศสามารถเกิดขึ้นได้ในเยาวชน แต่ต้องเตรียมเยาวชนให้เขามีทักษะ เพื่อที่จะดูแลตัวเองให้ปลอดภัย อย่างรับผิดชอบด้วย
“เราต้องสอนเพศศึกษาให้ครอบคลุมกับคนทุกคน ที่เขาอาจเลือกทางเดินชีวิตไม่เหมือนกัน เพราะเราไม่ใช่คนตัดสิน แต่ต้องให้เขาเลือกใช้ในวิธีที่เหมาะสมกับเขา ซึ่งการผลักดันให้เกิดขึ้นจริง ๆก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”
วรานุช ยังบอกด้วยว่า ปัญหาคือ เพศศึกษายังไม่ถูกให้ความสำคัญ กระทรวงศึกษาธิการก็ไม่ให้ความสำคัญ เลยไม่เป็นนโยบายที่ชัดเจน ไม่มีการกำหนดชั่วโมงให้สอน ส่งผลให้การสอนไม่มีที่ทางในขณะที่สังคมยังเน้นให้เรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เพื่อให้คนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่หากไปดูสัดส่วนคนที่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยนั้นมีไม่มาก เมื่อเทียบกับเยาวชนทั้งหมด
ผู้จัดการโครงการฯ บอกว่า เป้าหมายของโครงการฯ คือทำให้เยาวชนได้เรียนเพศศึกษา โดยถ้าเด็กจะได้เรียน โรงเรียนก็ต้องจัดการเรียนการสอน และเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ก็ต้องมีพื้นที่ของเพศศึกษาในหลักสูตร และต้องช่วยเตรียมความพร้อมของครู เพราะเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะเริ่มสอนในสังคมที่ยังไม่เปิดใจเรื่องเพศ
“ถ้าเราหวังว่าเด็กจะจัดการชีวิตตัวเองได้ จนไม่นำไปสู่ปัญหาสังคมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ท้อง แท้ง การใช้ความรุนแรง หรือการไม่เคารพกัน เมื่อเราหวังเห็นสังคมเป็นเช่นนั้น ก็ควรต้องเริ่มต้นสอนเพศศึกษาอย่างจริงจัง”ผู้ผลักดันการสอนเพศศึกษาระบุ…….
ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้…ก็ลองพิจารณากันดู.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update: 1-12-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่