ปวดเมื่อย…นั่งผิดหลักหักโหมงาน
สัญญาณอันตราย ‘ออฟฟิศ ซินโดรม‘
พฤติกรรมการนั่ง ทำงานที่ไม่เหมาะสม นับว่าเป็นปัจจัย เสี่ยงที่นำไปสู่การเป็นโรคออฟฟิศ ซินโดรม ได้ง่าย??
เมื่อเอ่ยถึง โรคออฟฟิศ ซินโดรม หลายคนคงคิ้วชนกัน ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรม ที่อยู่ใกล้ตัวเราโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนทำงานในออฟฟิศ ที่แสดงอาการออกมาด้วยการปวดเมื่อยอวัยวะต่าง ๆ ทั้ง ไหล่ บ่า แขน ขา เอว ต้นคอ รวมทั้งอาการกล้ามเนื้ออักเสบ
นพ.มนต์ทณัฐ โรจนา ศรีรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไคโรแพรคติก อธิบายถึงอาการปวดทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้นว่า โดยปกติลักษณะโครงสร้างของคนเรา ถ้าดูจากทาง ด้านหน้า ศีรษะ ไหล่ เอว เข่า ข้อเท้าด้านซ้ายและขวา จะต้องมีความสมดุลเท่ากัน หากมองจาก ด้านข้าง สิ่งที่จะดู คือ ใบหู ไหล่ ลำตัว เอว เข่า และข้อเท้า โดยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ก็จะต้องมีความสมดุลเท่ากัน
ตามหลักการโครงสร้างคนเราไม่สามารถที่จะพยุงตนเองอยู่ได้ด้วยกระดูกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยในส่วนของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นยึด เพื่อพยุงโครงสร้างของร่างกายให้อยู่ในแนวระดับปกติที่ถูกต้อง ซึ่งมาตรฐานของโครงสร้างคนเรามีลักษณะ ไม่แตกต่างกัน ถ้าโครงสร้างอยู่ในแนวระดับที่ผิดนั้นหมายถึง มีความผิดปกติเกิดขึ้น
“เมื่อมองดูแนวของ กระดูกสันหลัง ด้านหน้าจะต้องเรียงตัวในแนวระดับตรง หากมองด้านข้างจะเห็นเป็นคลื่นอยู่ 4 คลื่น คือ ต้นคอ หลังตอนบน เอว และหลังตอนล่าง แต่ละช่วงจะมีการเว้าอยู่ที่ 63 องศา หรือบวก ลบ ไม่เกิน 5 นั่นคือ ลักษณะ โครงสร้างของกระดูกที่สมดุลและเท่ากัน
เมื่อไรก็ตามที่แนวโครงสร้างจุดใดจุดหนึ่งมีปัญหา ร่างกายของคนเราจะมีการปรับแนวโครงสร้างเข้าสู่ความสมดุล ให้ได้ เช่น ถ้าเรามีแนวของหลังที่แอ่นมากกว่าปกติ สิ่งที่จะตามมา คือ หลังตอนบนจะค่อมมากกว่าปกติ เพื่อให้ได้ สมดุลซึ่งกันและกัน”
โครงสร้างที่สูญเสียความ สมดุลที่ถูกต้องไป สิ่งที่เกิดขึ้น คือ จะมีภาวะการทำงานที่มากเกินไปของตัวข้อเกิดขึ้น ข้อจะแบกภาระน้ำหนัก มากขึ้น รวมทั้งเรื่องของการทำงานที่หนักเกินไปตลอดเวลาของกล้ามเนื้อ ที่จะต้องพยุงน้ำหนักที่ถูกถ่วง หรือตกไปอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติเป็นเวลานาน ทั้ง 2 ลักษณะนี้ เมื่อนานวันเข้าการทำงานหนักเกินไปจะก่อให้เกิดการเสื่อมสภาพของโครงสร้างกระดูก
โดยส่วนใหญ่ ถ้าพูดถึงลักษณะการทำงานที่ผิดปกติ ลักษณะท่าทางความผิดปกติของคนเรา ไม่ว่าจะเป็น ท่านั่ง ท่ายืน ท่าเดิน ท่านอน การก้ม การหยิบของที่สูง ที่ทำให้โครงสร้างผิดจากสมดุลซึ่งจะกระทบในส่วนแรก คือ การขยับในตัวข้อ ต่อมา คือ กล้ามเนื้อ ที่มีภาวะหดเกร็งมากเกินไป
ฉะนั้น กล้ามเนื้อที่ผิดปกติจะเกิดขึ้นใน 2 ลักษณะ คือ ใช้มากเกินไปกับไม่ได้ใช้ ซึ่งจะส่งผลในรูปของอาการปวดเป็นอาการแรกที่แสดง ออกมา หากเพิกเฉย โดยที่ไม่มีการดูแลรักษา อาการปวดในส่วนนั้นจะพัฒนามากขึ้น คือ เป็นบ่อยขึ้น
ในส่วนของแนวโครงสร้างถ้ามีการพลิกอยู่ในท่าที่ผิดรูปอยู่เรื่อย ๆ บ่อยครั้ง การขยับของตัวข้อก็จะผิดปกติตามไปด้วย เมื่อไรที่ตัวข้อมีความผิดปกติจะส่งผลให้เกิดการเสื่อมสภาพของ ตัวข้อเกิดขึ้น ข้อจะสูญเสียความมั่นคงและความแข็งแรง ผิวเปลือกนอกของตัวข้อ นานวันเข้าก็จะส่งผลในเรื่องของข้อกระดูกเสื่อม
โรคออฟฟิศ ซินโดรม เกิดจากการที่ร่างกายทำท่าเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานานทั้งวันและทุกวัน ซึ่งการปฏิบัติหรือมีพฤติกรรมอย่างนี้ทำให้เกิดสภาวะการทำงานหนักเกินไปขึ้นกับร่างกาย เพราะการอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ ทุกวัน ทำให้โครงสร้างร่างกาย ซึ่งก็คือ โครงสร้างกระดูก และกล้ามเนื้อจะถูกฝืน แต่สภาพร่างกายของคนเราสามารถเรียนรู้ที่จะปรับไปตามการใช้งานเสมอ ดังนั้น โครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ พัฒนาตัวเองเพื่อรองรับการใช้งานนั้น ๆ ให้ง่ายที่สุด จนเมื่อนานเข้า โครงสร้างส่วนนั้นจะอยู่ผิดรูปในที่สุด และส่งผลให้กล้ามเนื้อและกระดูกส่วนนั้นจะต้องทำงานหนักตลอดเวลาจนเกิดสภาวะที่ทำงานหนักเกินไป
เห็นได้ชัด คือ คนที่นั่งทำงานในออฟฟิศที่ต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานนาน ๆ มักจะห่อไหล่ นั่งหลังโกง และหลายคนมักจะโน้มตัวไปจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ กระดูกและกล้ามเนื้อของไหล่ หลัง และคอก็จะค่อย ๆ พัฒนาตัวเอง คือ กระดูกไหล่จะห่อเข้ามา กระดูกหลังจะงอ กระดูกคอจะยื่นไปข้างหน้าแบบถาวรเพื่อให้รองรับกับการใช้งานที่เราต้องการได้อย่างสะดวก นานวันเข้าก็จะอยู่ผิดรูป และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อจะเสียสมดุล รวมทั้ง กระดูกและกล้ามเนื้อส่วนเหล่านั้นจะต้องทำงานหนักตลอดเวลา หากทิ้งไว้นาน ๆ อาจนำไปสู่ภาวะกระดูกเสื่อมจนขยับร่างกายส่วนนั้นไม่ได้สะดวก หรือในที่สุดมีการพัฒนาจนเป็นเรื่องโรคข้อกระดูกเสื่อมได้
เมื่อมีอาการเหล่านี้ การพบหมอตั้งแต่เนิ่น ๆ คือวิธี ที่ดีที่สุด หากมีอาการไม่มากนักการรักษาทำได้โดยการฟื้นฟูกลไกการทำงานของร่างกาย ให้กลับสู่สภาวะปกติ ด้วยการจัดแนวกระดูกสันหลังปรับโครงสร้างร่างกายให้สมดุล ฝึกการบริหารร่างกายที่เหมาะสมเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อต่าง ๆ ให้ช่วยมาพยุงหรือมาทดแทนในส่วนที่ผิดปกติ แต่ถ้าอาการปวดมีภาวะที่รุนแรง เช่น กระดูกข้อมีการเลื่อนออกจากกัน กล้ามเนื้ออ่อนแรง อย่างเฉียบพลัน ขยับแขน ขาไม่ได้ รวมทั้งมีภาวะของระบบประสาทเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ไม่สามารถควบคุมระบบขับถ่ายได้ ถ้าเข้าข่าย ภาวะเหล่านี้การรักษาควรจะเป็นการผ่าตัด
ในแง่ของการฟื้นฟู โดยการจัด ปรับโครงสร้าง จะเป็นการแก้ปัญหาได้ค่อนข้างดี เพราะ มีงานวิจัยพบว่า การจัด ปรับโครงสร้าง รวมทั้ง การออกกำลังกายอย่างถูกต้อง เป็นวิธีที่ช่วยในเรื่องของการรักษาอาการปวดต่าง ๆ ทั้ง คอ หลัง ได้ผลดี ไม่ต่างจากการใช้ยา อีกทั้งยังเป็นการรักษาในระยะยาวที่ได้ผลค่อนข้างดีมากด้วย
การป้องกันสามารถทำได้ การดูแลตนเอง หลีกเสี่ยง ปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ เมื่อต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ควรนั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักพิง เวลานั่งต้องนั่งหลังชิดเบาะ อย่าให้เท้าลอยขึ้นมา ความสูงของโต๊ะกับเก้าอี้ เวลาที่วางแขนควรจะต้องเป็น 90 องศา รวมทั้งเวลานั่งช่วงขาท่อนบนกับขาท่อนล่างควรจะเป็น 90 องศา เช่นกัน และควรนั่งทำงานในท่าเดิม ๆ ไม่เกิน 1-2 ชม. จะต้องเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง
ตลอดจนมีการพัฒนาความแข็งแรงของกระดูกและข้อให้ดีขึ้นด้วยการออกกำลังกายให้ถูกต้องเหมาะสม เพราะ การออกกำลังกายเป็นกุญแจสำคัญ ซึ่งตรงนี้ต้องทำต่อเนื่อง ตลอดจึงจะได้ผล
ใส่ใจในสุขภาพ หมั่นสังเกตตัวเองและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาภาวะสมดุลของร่างกายไว้ให้ยั่งยืนตลอดไป.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update: 30-10-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่