ปวดหัวแบบไหน..ไม่ควรนิ่งนอนใจ
ที่มา : เว็บไซต์ newtv.co.th
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
อาการปวดศีรษะ เป็นอาการเจ็บป่วยสามัญที่ทุกคนต้องเคยเป็นมาก่อน ส่วนมากผู้ป่วยมักจะเลือกใช้ยาบรรเทาอาการปวดที่มีขายตามร้านขายยาแผนปัจจุบันทั่วๆ ไป ซึ่งก็จะมีหลากหลายชนิดให้เลือก ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เช่น ยาพาราเซตามอล ไปจนถึงยาแก้ปวดที่รุนแรงขึ้น หรือบางคนก็ใช้ยากลุ่มที่จำเพาะเจาะจงลงไปอีก ก็แล้วแต่คนจะเลือกใช้กันไป เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น บางคนใช้แล้วหายก็ไม่ได้มาพบแพทย์ บางคนหายบ้างไม่หายบ้างแต่ก็เลือกที่จะไม่มาพบแพทย์ก็มี
นพ.อุเทน บุญอรณะ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะทางระบบประสาทและสมอง โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า อาการปวดหัวบางอย่างที่หากเกิดปุ๊บ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ควรจะรีบมาโรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการทันที อาการแบบนี้ในศัพท์แพทย์จะเรียกว่า reg flag sign หรืออาการปวดหัวแบบติดธงแดง ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ลักษณะอาการต่อไปนี้
1. ปวดหัวชนิดที่ไม่เหมือนเดิม ร่างกายของเรามักจะมีนิสัยปวดหัวแบบเดิมๆ เช่น ส่วนมากปวดหัวข้างเดียวแถวๆ ขมับ มักจะเป็นในวันที่นอนน้อย หรืออากาศร้อน ปวดแล้วพอได้อาบน้ำสระผม หรือนอนสักหน่อยก็จะหาย นี่คือคาแรกเตอร์ของการปวดหัว คนเรามักจะมีคาแรกเตอร์ของการปวดหัวแบบเดิมๆ แต่หากวันไหน อาการปวดหัวแสดงคาแรกเตอร์แบบแปลกๆ แบบที่เราไม่เคยเป็นมาก่อน จากปวดข้างเดียวเป็นปวดสองข้าง จากปวดแถวขมับเปลี่ยนเป็นกลางหน้าผาก แบบนี้ควรมาพบแพทย์กันแล้ว
2. ปวดหัวชนิดที่ปลุกให้ตื่นกลางดึก ปกติเวลาคนเรานอน ประสาทสัมผัสจะทื่อลงดังนั้นเราจะไม่ค่อยรู้สึกถึงอาการปวดหัว แต่ถ้านอนหลับไปแล้วต้องตื่นมากลางดึกเพราะปวดหัวจนปลุกเราได้ แสดงว่าอาการปวดหัวนั้นไม่ธรรมดา อันนี้ต้องรีบมาหาหมอเลยไม่ต้องรอจนเช้า
3. ปวดหัวชนิดที่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะอาการแขนขาอ่อนแรงขยับไม่ได้ หรือหน้าเบี้ยว ปกติแล้วอาการปวดหัว มักจะเกิดจากสาเหตุนอกสมอง แต่อาการปวดหัวที่มีอาการผิดปกติทางสมองร่วมด้วย เช่น เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน แขนขาขยับไม่ได้ สลบหมดสติ หน้าเบี้ยวแบบนี้ เป็นอาการบ่งชี้ว่าอาการปวดนั้นน่าจะมาจากในสมอง แบบนี้ต้องรีบมาพบแพทย์ทันที
4. อาการปวดหัวที่มีมานาน และมีแนวโน้มจะปวดมากขึ้น หรือถี่ขึ้น อันนี้แม้ว่าเราจะปวดหัวด้วยคาแรกเตอร์แบบเดิมๆ แต่ถ้าจากเมื่อก่อนเดือนปวดครั้ง หรือ สองเดือนครั้ง แต่ช่วงนี้ปวดถี่เลย วันละครั้ง หรือวันละหลายๆ ครั้ง แถมปวดแล้วปวดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางจะไม่ธรรมดา อาจจะต้องมีการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม
5. อาการปวดหัวที่ไม่ตอบสนองต่อยาแบบเดิมๆ อันนี้ก็ตรงตัว นอกจากเราจะมีคาแรกเตอร์การปวดหัวแบบประจำอยู่แล้ว หลายๆ คนจะมียาที่ใช้เป็นประจำด้วย และทุกครั้งที่ใช้ก็มักจะตอบสนองดี ทีนี้ถ้าเกิดว่าเราใช้ยาแล้ว เอ๊ะ…ไม่หายสักที ทั้งๆ ที่เดิมใช้ยานี้ครั้งสองครั้งก็หายแล้ว แบบนี้มีแนวโน้มว่าอาการปวดหัวครั้งนี้จะไม่ใช่โรคปวดหัวแบบเดิมๆ ซะแล้ว แบบนี้ก็ควรมาพบแพทย์โดยเร็วเช่นกัน
อันที่จริงอาการปวดหัวแบบที่มีธงแดง (red flag sign) ยังมีอีกหลายแบบ แต่ 5 แบบที่กล่าวมานี่ถือว่าสำคัญที่สุด และสามารถสังเกตอาการด้วยตัวเองได้ ท่านใดที่อ่านแล้วเข้าข่าย แนะนำว่าอย่ามัวแต่วางใจซื้อยาแก้ปวดมากินต่อไปเองเรื่อยๆ ให้รีบมาปรึกษาแพทย์ใกล้บ้านน่าจะดีที่สุด เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะอาการปวดหัวอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคไมเกรน หรือโรคอันตรายร้ายแรงต่างๆ เกี่ยวกับสมองที่อาจเกิดขึ้นกับเราโดยไม่รู้ตัวก็ได้