ปลุกพลังในตัว “ท้าคุณเปลี่ยน”
ที่มา : สยามรัฐ
ภาพโดย สสส.
สสส. ชวนทุกคนปลุกพลังในตัว "ท้า คุณ เปลี่ยน"
เมื่อไม่นานมานี้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ร่วมกับ เครือข่ายคนไทยไร้พุง จัดกิจกรรมต่อยอดจากแคมเปญลดพุงลดโรค ผ่านกิจกรรม "ท้าคุณเปลี่ยน" โดยใช้สื่อออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊กและไลน์กรุ๊ป เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพตนเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยมีองค์กรสนใจเข้าร่วมแข่งขันภารกิจกว่า 10 องค์กร และประชาชนทั่วไปกว่า 1.8 พันคน โดยมีระยะเวลาของภารกิจตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน – 11 สิงหาคม นี้
นางสาวสุพัฒนุช สอนดำริห์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาดเพื่อสังคมสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส.ดำเนินการเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพคนไทยผ่านโครงการต่าง ๆ มาตลอด อย่างที่รู้จักกันดีคือ ลดพุง ลดโรค โดยมีโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยสุขภาพดี ที่เน้นย้ำกันคือต้องมีวินัยในการเปลี่ยนแปลงตนเอง ซึ่งทุกคนต้องมีความเชื่อก่อนว่าตนเองจะต้องทำได้ ทั้งนี้ สสส. มีทีมงานที่ออกแบบกิจกรรมอย่างถูกต้อง ถูกวิธี มีงานวิชาการและชุดความรู้ที่สามารถสร้างให้มีสุขภาพที่ดีได้ ในช่วงเวลา 2 เดือน บางคนอาจจะรูปร่างเท่าเดิม แต่เปลี่ยนจากไขมันมาเป็นกล้ามเนื้อมากขึ้นก็ถือว่ามีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว ซึ่งกิจกรรม "ท้าคุณเปลี่ยน" จะมีนักโภชนาการมาดูแลในเรื่องอาหาร และมีโค้ชที่เชี่ยวชาญมาสอนการออกกำลังกายอย่างถูกต้อง รวมไปถึงการจัดการสภาวะอารมณ์ที่เป็นตัวแปรสำคัญของการสร้างกำลังใจในการออกกำลังกายอีกด้วย
"การจัดกิจกรรมยังใช้หลัก 3 อ.อาหาร อารมณ์ ออกกำลังกาย มาช่วยให้ผู้เข้าร่วมภารกิจมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะจบภารกิจไปแล้วก็ยังปฏิบัติเช่นเดิมอยู่ พร้อมชี้ให้เห็นถึงความสำคัญการมีสุขภาพที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ย้ำมีวินัยกับตนเอง เอาชนะตนเองเพราะสิ่งสำคัญของกิจกรรมไม่ใช่การเอาชนะคนอื่น แต่เป็นการกระตุ้นให้ตัวเองลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองได้อย่างถูกต้อง และมีการใช้สื่อออนไลน์ที่เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการกระจายข้อมูลของผู้เข้าร่วมได้รวดเร็วขึ้น มีการสนทนาทั้งผู้ฝึกสอน และผู้ร่วมกิจกรรมได้ต่อเนื่อง ส่งข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กและไลน์ เพื่อให้ทราบว่าผู้ร่วมกิจกรรมนั้นได้ปฏิบัติตามผู้ฝึกสอนหรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ เริ่มขยายวงกว้าง การเห็นถึงความสุขของการมีสุขภาพที่ดี ลดปัญหาการเกิดโรคด้วยการมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น" นางสาวสุพัฒนุช กล่าว
"การอ้วนนั้นอันตราย แต่อ้วนลงพุงนั้นอันตรายกว่า" อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการ กล่าวถึงการลดน้ำหนักว่า สามารถลดได้ง่ายหากใจเต็มร้อย โดยการสร้างแรงบันดาลใจผ่านการมองคนรอบข้าง คือ พ่อ แม่ ลูก เพื่อให้เรามีสุขภาพดีไม่เป็นภาระ ต้องแข็งแรงเพื่อดูแลลูกหลาน และต้องเปลี่ยนชีวิตที่เหลืออยู่ได้ ภารกิจ "ท้าคุณ เปลี่ยน" ตอกย้ำให้เกิดการฉุกคิดว่า "คุณได้เปลี่ยนพฤติกรรมแล้วหรือยัง" โดยมีแรงจูงใจสำคัญคือ อารมณ์ที่ต้องเอาชนะใจตนเอง บังคับไม่ให้ขี้เกียจออกกำลังกาย ในระยะเวลาระหว่าง 60 วัน ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง ปฏิบัติการออกกำลังกาย เลือกรับประทานอาหารให้เป็นนิสัยและปลุกให้มองเห็นว่า "อย่าให้การใช้ชีวิตเป็นวันที่สูญเปล่า ไม่มีใครเปลี่ยนคุณได้มีแต่ตัวคุณเท่านั้น"
"การเลือกรับประทานอาหารควรเลือกในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของแต่ละคน" คุณพศิษฐ์ คณาศิริชัยนนท์ นักกำหนดวิชาชีพอาหาร และวิทยากรด้านอาหารและสุขภาพ จากเครือข่ายคนไทยไร้พุง กล่าวเสริมว่า การเลือกรับประทานอาหารไม่จำเป็นจะต้องจำเพาะเจาะจงเกินไป ต้องเน้นการหมุนเวียนประเภทของอาหาร เพื่อสร้างความสมดุลในมื้ออาหารตามหลัก 2:1:1 คือ "ผัก 2 ส่วน ข้าว 1 ส่วน และ เนื้อสัตว์ 1 ส่วน" จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ นอกจากนี้เคยสงสัยไหมว่าทำไมเรายังคงรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ได้อย่างเต็มใจเพราะทุกอย่างล้วนเกิดมาจากปัจจัยทางอารมณ์ทั้งสิ้น แต่ให้จำเอาไว้ว่า "เมื่อเรารับประทานอาหารอย่างไรเราจะเป็นอย่างนั้น" นั่นหมายถึงการเลือกอาหารที่ไม่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกาย ร่างกายก็จะตอบสนองให้เห็นผ่านโรคต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน ที่มาจากการกินรับประทานของมัน ของทอด หรืออาหารที่มีไขมันสูงมากเกินไปเป็น ต้น ดังนั้นถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพดี ควรเลือกกินอย่างมีเหตุผลมากขึ้น
นางวีรวรรณ พันธ์อารมณ์ ตัวแทนองค์กร การไฟฟ้านครหลวง (MEA) เล่าเสริมให้ฟังว่า ความท้าทายและการเอาชนะตนเอง คือสิ่งสำคัญในการออกกำลังกาย เมื่อ 5 ปีที่แล้วตนรู้สึกว่า เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น เศร้า ไม่อยากเจอผู้คน อยากอยู่คนเดียวอยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เอาตู้เสื้อผ้ามาบังเตียง ไม่ให้ใครเห็น จนรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เลยตัดสินใจไปพบแพทย์ ผลคือ ตนมีปัญหานี้มาจากโรคไทรอยด์ที่ทำให้อารมณ์ ไม่สมดุล หลังจากการรักษาอาการผ่านการกินยาปรับฮอร์โมนประมาณ 1 ปี น้ำหนักของตนเพิ่มขึ้นถึง 12 กิโลกรัม ส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน เสียใจง่าย โกรธง่าย และเริ่มอึดอัดกับสภาวะอารมณ์เช่นนี้จนกระทั่งองค์กรของตนได้เข้าไปร่วมกับ สสส. ในโครงการลดพุง ลดโรคซีซั่นที่ 2 โดยในตอนแรกรู้สึกไม่อยากทำ ไม่อยากโดนบังคับ แต่อีกด้านของจิตใจก็อยากจะลองทำอะไรที่ไม่ชอบ เพื่อท้าทายตนเอง จนในที่สุดในหนึ่งวันก็สามารถจะเดินต่อเนื่องได้ถึง 13 กิโลเมตรและทำแบบนี้ต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ จนร่างกายเริ่มมีความสมดุล นอนหลับสนิท อารมณ์ดีขึ้นจากการออกกำลังกาย และในครั้งล่าสุดที่ไปตรวจไทรอยด์พบว่า ระดับฮอร์โมนปกติคงที่ ทำให้ตอนนี้รักในการออกกำลังกายมากขึ้น สุดท้ายจึงอยากย้ำว่า การออกกำลังกายของคนที่เป็นโรคนั้นจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อให้กลับมามีสุขภาพที่ดีได้