ประธานสภาสตรีฯ แนะสร้างเยาวสตรี สร้างอนาคต
ด้วยว่าทุกวันที่ 8มีนาคมของทุกปีคือ วันสตรีสากล ดังนั้น สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดย คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสภาสตรีฯ ร่วมกับสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ และภาคีเครือข่ายองค์กรสตรีนานาชาติในประเทศไทย จึงร่วมกันจัดงานเสวนา หัวข้อ “เยาวสตรีสร้างอนาคต” และ “องค์กรที่ช่วยผลักดัน และสนับสนุนเยาวสตรีให้ก้าวไปสู่เวทีสากล” โดย วิคตอเรีย จ๊วต หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองเด็ก กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ประเทศไทย ดร.เมทินี พงษ์เวช ผอ.สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และ มาลีรัตน์ ปลื้มจิตรชม รองประธานกรรมการมูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (เอเอฟเอสประเทศไทย) ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น 4โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เมื่อวันก่อน
โอกาสนี้ได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประทานพระดำรัสถึงอนาคตของเยาวสตรีและสตรีไทย ความว่า
“การเชื่อมโยงระหว่างเยาวสตรีเป็นการสร้างสรรค์อนาคต ความเท่าเทียมของหญิงชายเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จ ความเท่าเทียมกันในการศึกษา การให้โอกาสทั้งเยาวสตรีและสตรีได้รับการศึกษาฝึกอบรมเท่าเทียมกับชายจะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นหลัง การส่งเสริมบทบาทที่สมดุลกันของหญิงชายด้วยความเป็นผู้นำ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยความยุติธรรมและด้วยการพัฒนาที่มีรากฐานจากการเรียนรู้จากกันและกันอย่างเสมอภาค และมีโอกาสที่เท่าเทียมในการร่วมสร้างชุมชนที่รุ่งเรือง และการเสริมพลังให้สตรีและเยาวสตรีเป็นการลดความเสี่ยงของปัญหาความรุนแรงต่อสตรี”
คุณหญิงณัฐิกา กล่าวว่า การส่งเสริมเด็กและสตรีถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำและเป็นวิธีการอันชาญฉลาด เพราะการลงทุนทางการศึกษาเพื่อปลูกฝังความรู้และค่านิยมที่ดีงามให้แก่กลุ่มเด็ก เยาวชนหรือสตรีนั้น เท่ากับเป็นการลงทุนให้แก่โลกที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางการเมือง ความเจริญรุ่งเรืองทางสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนความก้าวหน้าของโลก ขั้นแรกต้องเริ่มต้นจากการสร้างจิตสำนึก ส่งเสริมศักยภาพ และหล่อหลอมสร้างให้เด็ก เยาวชนเติบโตขึ้นเป็นพลังที่เข้มแข็งของสังคม และเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพของประเทศ อันจะเป็นการป้องกันก่อนเกิดปัญหาที่จะนำไปสู่การสูญเสียกำลังคนและกำลังทรัพย์ในการแก้ปัญหาของสังคมในอนาคต” ประธานสภาสตรีฯ กล่าว
ในฐานะที่ทำงานในองค์การยูนิเซฟในประเทศไทยมานาน ทำให้เห็นว่าเด็กหญิงและผู้หญิงในประเทศนี้ประสบปัญหาเรื่องสิทธิเป็นจำนวนมาก วิคตอเรีย จ๊วต จึงมีข้อแนะนำว่า การผลักดันเรื่องการศึกษา ให้เด็กผู้หญิงเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง การสื่อสารทั้งสองทางโดยเฉพาะการรับฟังเด็กๆ น่าจะเป็นแนวทางพัฒนาเด็กผู้หญิงให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับ ดร.เมทินี ซึ่งเน้นย้ำเรื่อง “คอนเนกติ้ง เกิร์ลส์” การสร้างเครือข่ายเพื่อให้เด็กๆ ช่วยสร้างกำลังใจเพื่อนที่กำลังประสบปัญหา ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ต้องฟังเสียงสะท้อนของเด็กๆ และเปิดพื้นที่ให้พวกเขาเหล่านั้น โดยให้เด็กที่ไม่มีปัญหาออกมาเป็นปากเป็นเสียงให้เด็กที่มีปัญหา ส่วน มาลีรัตน์ แสดงความคิดเห็นว่า ควรเน้นเรื่องการศึกษาซึ่งเด็กๆ ไม่เพียงจะได้แค่วิชาความรู้แต่ยังรู้จักรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กในโครงการแลกเปลี่ยนของเอเอฟเอสที่สามารถสื่อสารได้อย่างน้อย 2ภาษาไม่นับภาษาอังกฤษ มีโอกาสมากกว่าทั้งในเรื่องการประกอบอาชีพและความมั่นใจ
ทั้งนี้ ในงานยังมีเยาวสตรีที่มีความสามารถและได้รับรางวัลในด้านต่างๆ อติพร เทอดโยธิน ได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศครั้งที่ 19ปี 2551 โสมสุภา แสงรัตน์ เยาวสตรีได้รับรางวัล Asia Pacific Dance Competition ครั้งที่ 9-10ปี 2550/2551ณ ประเทศสิงคโปร์ พิมพ์ชนก พิริยะกิจไพบูลย์ นักเรียนทุนจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ อุทิศตนเพื่อสังคม และ ศรัณย์รส ประชาเสรี เยาวสตรีต่างชาติ ที่ร่วมทำกิจกรรมสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มาเล่าถึงแรงบันดาลใจพร้อมเสนอวิสัยทัศน์ว่าพลังสตรีจะสร้างอนาคตที่ดีได้อย่างไร โดยทั้งหมดล้วนให้ความสำคัญกับความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก