‘บ้านเหล่า’ทอดผ้าป่าแปลงขยะให้เป็นเงิน
ขบวนรถที่ประดับประดาด้วยขยะที่ผ่านการคัดแยกแล้วหมู่บ้านละหนึ่งคันรถ ได้มาเคลื่อนมาจอดพร้อมกันที่บริเวณสนามหน้าที่ทำการเทศบาลตำบลบ้านเหล่า อ.แม่ใจ จ.พะเยา เพื่อร่วมกันทอดผ้าป่าขยะ “ผ้าป่าขยะร่วมสร้างสภาวะแวดล้อม” กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการธนาคารขยะในโรงเรียน ดำเนินการโดย เทศบาลตำบล(ทต.) บ้านเหล่า โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งการดำเนินโครงการที่ผ่านมานั้น ทางโครงการได้ร่วมกับโรงเรียนต่างๆ ในตำบลทั้งหมด 4 โรงเรียน สนับสนุนให้นักเรียนนำขยะจากบ้านมาคัดแยกในโรงเรียน แล้วส่งขายให้กับผู้รับซื้อขยะจนทำรายได้ให้กับโรงเรียนเฉลี่ยเดือนละ 2,000-3,000 บาท
นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวว่า การทอดผ้าป่าขยะร่วมสร้างสภาวะแวดล้อมเป็นกิจกรรมที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง ซึ่งวันนี้เทศบาลตำบลบ้านเหล่าแสดงให้เห็นว่าได้ทำให้ขยะที่ไร้ค่า เป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป ให้เป็นของมีค่าและยังช่วยสร้างจิตสำนึกอันมีคุณค่าต่อชุมชน อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นร่วมกันด้วยว่าปัญหาขยะ สามารถจัดการหากทุกคนร่วมมือกัน
“นับจากนี้ผมเชื่อว่าทางเทศบาลและ 14 ชุมชน จะไม่รังเกียจขยะอีกต่อไป และผมคิดว่าชุมชนได้มาถูกทางแล้ว ต่อไปผมก็จะนำตัวอย่างดีๆ แบบนี้ไปบอกต่อ เพื่อเป็นแบบอย่างให้ชุมชนอื่นๆ ปฏิบัติกันทั้งจังหวัด” ผู้ว่าฯ พะเยา กล่าว
ด้าน นายไพฑูรย์ มักผล นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเหล่ากล่าวว่า ด้วยสภาพพื้นที่ของตำบลบ้านเหล่า ซึ่งตั้งอยู่บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำอิง แม่น้ำตืม รวมทั้งหนองน้ำขนาดใหญ่อย่างหนองเล็งทราย ไม่สามารถจัดการกับขยะด้วยวิธีฝังกลบได้เนื่องจากเกรงว่าน้ำใต้ดินจะซึมผ่านขยะ แล้วไหลลงสื่อลำน้ำสาธารณะจนอาจจะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ตนจึงหาวิธีการและได้ขอรับการสนับสนุนไปยัง สสส. ให้ช่วยมาเป็นพี่เลี้ยงในการจัดการกับขยะ จนในที่สุดก็เริ่มต้นที่โครงการธนาคารขยะในโรงเรียน ต่อมาชาวบ้านเห็นตัวอย่าง จึงเข้ามามีส่วนร่วม และกลายเป็นกิจกรรมทอดผ้าป่าดังกล่าว
“ชาวบ้านมักจะคาดหวังว่า อบต.หรือเทศบาลต้องมีหน้าที่เก็บขยะ รถขยะต้องวิ่งไปเก็บขยะหน้าบ้านทุกๆ เช้า แต่ที่เทศบาลตำบลบ้านเหล่ากำลังเกิดค่านิยมใหม่ นั่นคือทุกๆ บ้านจัดการขยะในบ้านตัวเองให้มีราคา ถ้าทุกบ้านทำได้แบบนี้ รถขยะก็ไม่จำเป็นทั้งยังเป็นการปลูกฝังเรื่องการคัดแยกขยะไปจนถึงลูกถึงหลานด้วย” นายไพฑูรย์ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
update : 24-12-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน