บ้านวังฆ้อง จ.น่าน “ครอบครัวเข้มแข็ง” สร้างสุขในชุมชน
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและสร้างปัญหาให้กับชุมชน ทำให้ความสุขของคนในชุมชนลดลง ทั้งยังเป็นปัญหาสะสมในหลายชุมชน บ้านที่พ่อแม่ดื่มเหล้าจะมองหาความสุขได้อย่างไร ขาดความมั่นคงเข้มแข็งเรื่องเศรษฐกิจในครอบครัว ฉะนั้นครอบครัวเข้มแข็งเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่การสร้างสุขที่ยั่งยืน
ชุมชนบ้านวังฆ้อง ต.ถืมตอง จ.น่าน วันนี้เป็นชุมชนต้นแบบที่ประสบความสำเร็จการขับเคลื่อนครอบครัวเข้มแข็ง โดยเป็นคณะทำงานชุมชนที่ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ภายใต้กิจกรรมของครอบครัวเข้มแข็ง เน้นหนักการมีส่วนร่วมของคนทุกกลุ่มทุกวัยในการรับรู้ปัญหา และหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ตั้งแต่การลด ละ เลิกเหล้าในชุมชน ขยายผลมางานศพ งานประเพณี จนกระทั่งเป็นระดับจังหวัด ที่ทุกคนสนใจคือประเพณีแข่งเรือปลอดเหล้า จ.น่าน
อุบล ไชยศรี อาสาสมัครผู้เชี่ยวชาญสาขาการจัดการสุขภาพของ จ.น่าน ซึ่งเข้าไปทำงานกับชุมชนแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า บ้านวังฆ้องมีกิจกรรมครอบครัวเข้มแข็งตั้งแต่ปี 2547 เน้นกระบวนการเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกันของคนในครอบครัว มีเวทีขบคิดเรื่องใกล้ตัว อย่างทุกข์สุขของครอบครัว และพบว่า ทุกข์ของครอบครัวในชุมชนนี้ล้วนเกี่ยวพันกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลูกๆ บอกพ่อแม่ดื่ม กว่าจะกลับบ้านค่ำมืด เด็กออกไปเล่นนอกบ้านเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน ผู้สูงอายุก็ถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว ทุกคนมาสะท้อนถึงปัญหา สรุปแล้วเรื่องเหล้าต้องแก้ไข
เราทำโครงการต้นไม้แห่งความสุข โดยชวนกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ พ่อบ้าน แม่บ้าน มาแบ่งปันความรู้สึกสุขทุกข์ในครอบครัวกัน และมาเขียนมีทุกข์อะไร ก่อนจะนำไปแปะต้นไม้แห่งความทุกข์ ส่วนเรื่องความคาดหวังจะอยู่ที่ต้นไม้แห่งความสุข ให้เขียนถึงความสุขที่ต้องการ ก็พบว่าต้นไม้แห่งทุกข์ล้วนแต่มีเรื่องเหล้า นี่คือสิ่งจุดประเด็นนำไปสู่การแก้ไข นอกจากนี้จัดเวทีเรียนรู้เรื่องเหล้าตลอด
“ปีเดียวกันมีมติของชุมชน ทุกคนให้ความเห็นตรงกันในเรื่องของการลด ละ เลิกเหล้า เริ่มจากงานศพ และลดพฤติกรรมการดื่มของคนในชุมชน จากนั้นมีกระบวนการเรียนรู้ตั้งแต่พี่สอนน้องเรียนรู้ พออยู่พอกิน กิจกรรมร่วมกันหลายอย่างในครอบครัว รวมทั้งกิจกรรมสืบสานภูมิปัญญา มีวงดนตรีอุ๊ยสอนหลาน เป็นพ่ออุ๊ยหรือคุณตาที่มีความรู้ด้านดนตรีถ่ายทอดให้กับลูกหลาน สร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว ลดภาระค่าใช้จ่าย” อาสาสมัครสาธารณสุขดีเด่นสาขาการจัดการสุขภาพของภาคเหนือ บอกถึงการทำงาน
ส่วนกระบวนการแก้ปัญหา อุบลเน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญคือการมีส่วนร่วมของทุกกลุ่มทุกวัย ทุกคนรับรู้ปัญหาและหาทางออกร่วมกัน นอกจากมติลด ละ เลิกเหล้าของชุมชนก็รณรงค์กิจกรรมต่อเนื่องตลอด หากมีเรื่องที่คาดว่าจะเป็นปัญหาในอนาคต หรือจะส่งผลกระทบก็นำประเด็นนั้นมาพูดคุยในเวทีประชาคมเล็กๆ เรียกว่า “อู้จ๋าภาษาชาวบ้าน” ทั้งเวทีทางการและไม่ทางการ นี่เป็นเครื่องมือป้องกันก่อนปัญหาจะเกิดขึ้น
อสม.คนขยันกล่าวด้วยว่า จากการรณรงค์ต่อเนื่อง ค่าใช้จ่ายของชุมชนลดลง ปกติมีงานศพเหล้าจะขึ้นโต๊ะเลี้ยงแขก เมื่อมีมติตัดเหล้าออก ปัญหาสุขภาพเห็นชัดเจน คนที่เลิกดื่มสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยมารุมเร้า ความผูกพันในครอบครัวก็ดีขึ้น พ่อ แม่ ตื่นเช้าออกไปทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เลิกงานรีบกลับ มีเวลาอยู่กับลูกหลาน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในหมู่บ้านของเรา จนบ้านวังฆ้องได้รับการประเมินเป็นศูนย์พัฒนาครอบครัวดีเด่นของจังหวัดน่าน
“แอลกอฮอล์ในอดีตอาจเป็นปัญหาที่หนักหน่วง เพราะน่านติดอันดับแชมป์ดื่มเหล้าของประเทศ ซึ่งไม่น่าภาคภูมิใจเลย ก็ใช้ประเด็นนี้ขับเคลื่อนให้ชาวบ้านเห็นโทษและลดพฤติกรรมการดื่ม ทุกวันนี้เห็นผลน่าพอใจ มีการขยายเครือข่ายในจังหวัดน่านให้ทำโครงการ ลด ละ เลิกเหล้า ล่าสุดจังหวัดน่านประกาศให้ประเพณีแข่งเรือเป็นอีกประเพณีหนึ่งปลอดเหล้าโดยสิ้นเชิง ดึงเยาวชนมาขับเคลื่อน ทุกสนามปลอดเหล้า รวมถึงงานบุญประเพณีสำคัญ อย่างทานสลากภัตหรือก๋วยสลาก เพื่อคงวิถีวัฒนธรรมที่ถูกต้องไม่ให้ผิดเพี้ยน จากจุดเล็กๆ รวมกันเป็นจุดใหญ่ ปัญหาที่หนักหนาจะคลี่คลายได้” อุบล ซึ่งสวมหมวกผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนภาคเหนืออีกใบ กล่าว
นอกจากประเด็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ชุมชนบ้านวังฆ้องยังขยายไปสู่การป้องกันยาเสพติด และมีกิจกรรมเกี่ยวข้องด้านสุขภาพ อาหารปลอดภัย ลดใช้ถุงพลาสติกในงานต่างๆ เชื่อมโยงหลายด้านในสุขภาพ ขยายผลในเครือข่ายชุมชนภาคเหนือ ปีนี้บ้านวังฆ้องได้รับคัดเลือกเป็นศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดินของจังหวัดน่าน โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมเป็นสำคัญ
พร้อมๆ กับมีเวทีค้นหาปัญหาสุขภาพ อุบลให้ข้อมูลว่าบ้านวังฆ้องมีปัญหาสุขภาพจากการดื่มเหล้า ตลอดจนปัญหาน้ำดื่มไม่สะอาด บริโภคน้ำจากบ่อน้ำ หมู่บ้านขยายหนาแน่นขึ้น น้ำเริ่มไม่สะอาด รวมถึงปัญหาการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร ปลูกพืชเศรษฐกิจ เดิมปลูกแบบพออยู่พอกิน ส่งผลภาวะการเจ็บป่วยของคนในชุมชนเพิ่มขึ้น ทั้งโรคมะเร็ง โรคผิวหนัง จนกระทั่งอัตราการตายเพิ่มขึ้น ในทางการแพทย์บอกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้สารเคมีทางการเกษตร จึงมีโครงการลดใช้สารเคมีหันมาทำเรื่องปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ แล้วยังมีปัญหาขยะที่มีผลกระทบด้านสาธารณสุขชุมชน ก็ตั้งตลาดนัดขยะบ้านวังฆ้อง ต่อยอดการใช้ประโยชน์จากขยะในเรื่องปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ท้องถิ่น และสิ่งประดิษฐ์วัสดุรีไซเคิล ได้ผลักดันงบสาธารณสุขมาส่งเสริมการแก้ไขปัญหาขยะ
“ความยั่งยืนในการจัดการสุขภาพ ต้องค้นหาปัญหาของชุมชนและนำสิ่งที่ค้นพบไปจัดการ ตั้งความหวังและกำหนดเป้าหมาย ขอให้ทุกคนมีสุขภาพดีทั้งกายและจิตใจ พึ่งพาตัวเองได้ และสุขภาวะดี ใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมดี มีความยั่งยืน” อาสาสมัครผู้เชี่ยวชาญการจัดการสุขภาพเมืองน่านฝากทิ้งท้าย และฝากถึงชุมชนอีกมากมายที่อยู่ในสังคมไทย ลองใช้ตัวอย่างการขับเคลื่อนของบ้านวังฆ้อง หรือองค์กรต้นแบบอื่นๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อผลักดันให้เกิดครอบครัวเข้มแข็ง ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างสุขในชุมชนนั่นเอง.
“แอลกอฮอล์ในอดีตอาจเป็นปัญหาที่หนักหน่วง เพราะน่านติดอันดับแชมป์ดื่มเหล้าของประเทศ ซึ่งไม่น่าภาคภูมิใจเลย ก็ใช้ประเด็นนี้ขับเคลื่อนให้ชาวบ้านเห็นโทษและลดพฤติกรรมการดื่ม ทุกวันนี้เห็นผลน่าพอใจ ขยายเครือข่ายชุมชนภาคเหนือ จ.น่าน ทำโครงการ ลด ละ เลิกเหล้า ล่าสุดน่านประกาศประเพณีแข่งเรือปลอดเหล้า ดึงเยาวชนมาขับเคลื่อน รวมงานบุญประเพณีทานสลากภัต จากจุดเล็กรวมกันเป็นจุดใหญ่ ปัญหาที่หนักก็คลี่คลายได้”
ที่มา : สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า สคล.