บ้านบางหิน จ.ระนอง ชุมชนพึ่งตนเองสู้โควิด-19
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้าออนไลน์
แฟ้มภาพ
ชาวบ้านที่นี่พยายามดูแลตนเองด้วยความเข้าใจธรรมชาติ และสร้างความมั่นคงทางอาหาร เพื่อให้พวกเขาปลอดภัยผ่านกระแสวิกฤติในคราวนี้
บ้านบางหิน ต.บางหิน อ.กะเปอร์ จ.ระนองเป็นชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าเขา อยู่ติดคลองกะเปอร์ ชาวบ้านส่วนมากประกอบอาชีพทำประมง และทำสวน ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม พึ่งพิงอาศัยเป็นเครือญาติ วันนี้ชุมชนแห่งนี้เกิดการรวมตัวลุกขึ้นมาเดินหน้าพัฒนาท้องถิ่นด้วยพลังของชุมชน ต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงอย่างปลอดภัยทำให้เป็นชุมชนเข้มแข็ง และเป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่น
“ความโชคดีของชุมชนบางหิน คือ เป็นชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรหลายๆ อย่าง ประชาชนส่วนใหญ่ของหมู่ที่2ทำประมงแต่ควบคู่ไปกับการทำสวนด้วย ถ้าลงไปในคลองก็ได้กินปลา ลงไปในทะเลก็ได้กินกุ้ง หอย อาชีพเสริมที่ทำก็เป็นอาชีพที่ทำร่วมกับโครงการจากภาครัฐ และโชคดีในช่วงที่ผ่านมาเราทำโครงการกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.ที่ให้การสนับสนุนมาในชุมชน เช่น การปลูกผักสวนครัวการทำกะปิ การทำเรือ การทำปุ๋ยหมัก
สิ่งเหล่านี้เป็นภูมิปัญญาของเราทั้งสิ้น เรามีมาอยู่แล้วเมื่อได้โครงการ สสส.เข้ามาสนับสนุนเราก็ทำเต็มที่” นายวินัยบุญสุขผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลบางหิน ได้เล่าถึงบริบทชุมชนและการทำงานซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ชุมชนได้เข้าร่วมโครงการชุมชนน่าอยู่ ภายใต้การสนับสนุนของทีมวิชาการจากสำนักสร้างสรรค์โอกาส สสส.
นอกจากนี้ผู้ใหญ่บ้านยังพูดถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการร่วมกันป้องกันและรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ในขณะนี้คนทั้งโลกเผชิญอยู่ว่า “สถานการณ์โควิด-19 ยังคงเป็นวิกฤติที่ชาวชุมชนบางหินของเรา จะต้องร่วมกันป้องกันและเฝ้าระวังและทำตามมาตรการของภาครัฐที่ตั้งกฎระเบียบข้อบังคับ ให้แต่ละชุมชนทำตามอย่างเคร่งครัด ถึงแม้ว่าจังหวัดระนองยังไม่มีผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโควิด-19 ก็ตาม ในระหว่างที่เฝ้าระวังโรคเราก็มีการเดินเคาะประตูสำรวจโรค แจกหน้ากากอนามัย นำทีมโดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ซึ่งเราทำตามแบบแผนทั้งหมดที่รัฐให้มา ซึ่งผู้คนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
ความโชคดีอีกอย่างของบ้านบางหิน คือการที่สภาพหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ห่างกันไม่แออัด และมีสภาพธรรมชาติที่ค่อนข้างดี และทุนสำคัญของชุมชนที่นี่คือการที่ผู้คนอยู่และให้ความสำคัญกับธรรมชาติ และที่ผ่านมาด้วยความที่ทุกคนในหมู่บ้านมีการทำงานอย่างเป็นระบบจึงทำให้พวกเขาเข้าใจ การรับมือของสถานการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นภัยคุกคาม เพราะไวรัสตัวจิ๋วอาจจะมากับใครเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ชุมชนที่นี่ก็พร้อมตั้งรับและปรับสู้ ที่สำคัญพวกเขามีความอุดมสมบูรณ์ทางอาหาร อันเกิดจากในช่วงที่ผ่านมาทุกคนเข้าใจดีว่าการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและใช้ชีวิตแบบพอเพียง
รวมถึงการสร้างพื้นที่สีเขียวให้มีอาหารที่อุดมนั้นมีความสำคัญ ซึ่งเรื่องนี้ผู้ใหญ่วินัยยังได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “การใช้ชีวิตของผู้คนก็ปกติ เช้าก็ออกทะเลไปหาปลา หาหอย คนที่ทำสวนก็ทำไป คือต่างคนต่างทำ อยู่กันแบบพี่น้องทำงานกันคนในหมู่บ้านเราน้อยมากที่จะออกไปคลุกคลีกับคนภายนอก ซึ่งเราก็ได้กำชับในเรื่องนี้ ดังนั้นเราก็มั่นใจในระดับหนึ่งว่าโรคระบาดคงจะไม่เกิดกับเรา
และที่สำคัญพืชผักที่เราปลูกก็มี ปลูกรับประทานกันทุกครัวเรือนเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว แต่ผลกระทบที่ได้ก็น่าจะเป็นเรื่องของราคาพืชสวน แต่ก็เข้าใจว่าต้องผ่านช่วงนี้ไปก่อน สู้ไปด้วยกันเดี๋ยวอะไรๆ ก็ดีขึ้นผู้ใหญ่บ้านวินัย บุญสุข กล่าว ซึ่งอีกสถานะหนึ่งคือเขาเป็นประธานสภาผู้นำชุมชน ผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างกระบวนการในหมู่บ้าน เพื่อให้เกิดการร่วมคิดร่วมทำร่วมหาทางออกโดยเฉพาะในยามวิกฤติโรคระบาดเช่นนี้ ที่จะต้องกำชับในสมาชิกชุมชนดูแลตัวเองและปฏิบัติตามมาตรการทางสังคมอย่างเคร่งครัด
การพึ่งตนเองและพึ่งพาธรรมชาติในแบบที่หาพออยู่ เพื่อดูแลให้พอกินอย่างยั่งยืนรวมถึงการปรับเปลี่ยนวิถีให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อให้มีความมั่นคงทางอาหารที่มากขึ้น เช่นการปลูกผักปลอดภัยไว้ข้างบ้าน ทำเศรษฐกิจพอเพียง นับเป็นเรื่องจำเป็นของชุมชน ซึ่งวันนี้ชุมชนบางหินได้เดินหน้าขับเคลื่อนหมู่บ้านอย่างเข้มข้น เพื่อทุกชีวิตในชุมชนและแต่ละครอบครัวจะได้อยู่รอด ที่ถือเป็นการปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ซึ่งที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งชุมชนต้นแบบ ที่ชุมชนอื่นน่าจะนำไปเป็นบทเรียนในการรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ณ ตอนนี้