บำรุงสมอง…ด้วยฟักทองปลูกเอง

"ผัก" ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการประกอบอาหารแต่ละมื้อ ซึ่งหากเราสามารถปลูกผักรับประทานเองได้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกเยอะ แถมทำให้เรามีผักที่สดสะอาด ปลอดสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้อีกด้วย โดย "ฟักทอง" นับเป็นผักสวนครัวสารพัดประโยชน์ สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาว หวาน และใช้ได้เกือบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นผล ยอดอ่อน และ เมล็ด จึงไม่แปลกที่"ฟังทอง"จะเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน


บำรุงสมอง...ด้วยฟักทองปลูกเอง thaihealth


แฟ้มภาพ


ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ชวนคนเมืองที่ต้องการปลูกผักมารู้จักสวนครัวหลายๆชนิดที่สามารถปลูกกินเอง โดยไม่ต้องง้อผักราคาแพงอีกต่อไป กับ กิจกรรม Healthy Living ตอน บำรุงสมองด้วยฟักทองปลูกเองด้วยเทคนิคปลูกฟักทองแบบง่ายๆ และเรียนรู้คุณประโยชน์ของฟักทองที่อุดมไปด้วยสารอาหารบำรุงสมองพร้อมความรู้เกี่ยวกับวิธีเตรียมดิน ทำปุ๋ย


คุณชูเกียรติ โกเมน ผู้เชี่ยวชาญจากสวนผักคนเมือง กล่าวว่า หัวใจสำคัญในการปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะปลูกผักหรือดอกไม้ประเภทอะไรก็ตาม อยู่ที่ดิน โดยการปรุงดินให้ดีจะทำให้ต้นไม้ที่ปลูกเติบโต แข็งแรงและงาม โดยวิธีปรุงดินมีส่วนผสมดังนี้ 1.ดินถุง 2.มูลสัตว์ (ปุ๋ยคอก) 3.เศษใบไม้แห้ง 4.เศษอาหารสด ผัก ผลไม้ กากกาแฟ เปลือกไข่ ฯลฯ 5.หัวเชื้อจุลินทรีย์ 6.น้ำตาล วิธีการหมักดินนำดินที่ซื้อมาคลุกเคล้ากับมูลสัตว์ เศษใบไม้แห้ง เศษอาหาร และหัวเชื้อจุลินทรีย์ จากนั้นเติมน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยให้กะปริมาณตามความเหมาะสมไม่จำเป็นต้องมีอัตราส่วนที่แน่นอน


สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ มูลสัตว์ที่นำมาใช้ควรเป็นมูลสัตว์แห้ง เศษใบไม้ควรเลือกใบเล็ก และหากเป็นพืชตระกูลถั่วก็ย่อยง่ายขึ้นเศษอาหาควรใส่ให้หลากหลายชนิด เพื่อให้ได้สารอาหารพืชหลายชนิด น้ำตาลทราย เป็นน้ำตาลอะไรก็ได้ ที่เราเติมลงไปเพื่อกระตุ้นให้หัวเชื้อจุลินทรีย์ที่เรานำมาผสมทำงานย่อยสลายได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น จากนั้นเติมน้ำพอชุ่ม กะความชื้นให้เหมาะสม โดยสังเกตได้ด้วยการทดลองกำดินที่ผสมแล้วขึ้นมา หากจับกันเป็นก้อน ไม่แตก และบีบไม่มีน้ำไหลเป็นใช้ได้แล้วจึงตักดินที่ผสมแล้ว ใส่ถุงดินที่ซื้อมา(ควรเป็นถุงกระสอบที่มีรูระบายอากาศ) ตั้งทิ้งไว้ในที่ร่ม เมื่อย่อยสลายดีแล้ว จับดูแล้วดินหายร้อน ก็สามารถนำมาปลูกผักได้


สำหรับขั้นตอนการปลูกพืชตระกูลฟักทองหรือพืชสกุลไม้เลื้อย ข้อควรระวังในการปลูกก็คือ เรื่องใบเปียก สามารถปลูกได้ทั้งจากการใช้ต้นกล้าและหยอดหลุมปลูก เพียงทำหลุมแล้วหยอดเมล็ดหลุมละประมาณ 2-3 เมล็ด เมื่อต้นกล้างอกให้เลือกเอาแค่ต้นเดียว ใน 1 ต้น ถ้าเป็นฟักทองเราจะไว้ประมาณ 4 ยอด หรือ 4 เถา ให้มันยาวออกไป เถาอื่นๆก็เก็บทิ้ง หรือจะเก็บยอดกินก็ได้ แล้วใน 1 เถาก็จะเก็บลูกไว้ประมาณ 1 ลูก เพื่อไม่ให้แย่งอาหารกัน ส่วนลูกที่เราต้องเก็บทิ้งเราก็สามารถเก็บกินเป็นลูกอ่อนได้ จะลวกกินกับน้ำพริกก็ได้ เพราะฉะน้นการปลูกพืชตระกูลฟัก สำคัญที่สุดคือดินต้องสมบูรณ์ เพราะพืชพวกนี้มีการสะสมอาหารค่อนข้างเยอะหมั่นตัดแต่งเอาใบแห้งและใบแก่ออก ดูแลเรื่องจำนวนเถา เพราะจำนวนเถาที่มากจะทำให้โตไม่สมบูรณ์ ส่วนการรดน้ำแนะนำว่าให้น้ำแค่สักวันละครั้ง ให้ดินได้ชุ่มก็เพียงพอแล้วโดยระยะเวลาการให้ผลผลิตของฟักทองอยู่ที่ 90-120 วัน แล้วแต่สายพันธุ์


บำรุงสมอง...ด้วยฟักทองปลูกเอง thaihealthทั้งนี้ คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณของฟักทอง มีมากมาย เป็นพืชที่ให้คุณค่าทางอาหารสูง โดยที่เนื้อสีเหลืองๆนั้นมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา มีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี และแป้ง นอกจากนี้ยังมีเบตาแคโรทีนในปริมาณสูงที่ ช่วยต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง มีสารกรดโปรไพโอนิกซึ่ง่ช่วยให้เซลล์มะเร็งอ่อนตัวลง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันเบาหวาสน โรคความดันโลหิต บำรุงตับและไต นอกจากนี้ เปลือกของฟักทองจะช่วยควบคุมสมดุลร่างกาย โดยช่วยสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่หมดอายุ ช่วยให้อวัยวะภายในทำงานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ


ยอดของฟักทอง รวมถึงใบอ่อน มีวิตามิน เอ ฟอสฟอรัส แคลเซียมสูง ช่วยบำรุงสายตากระดูก และมีกากใยสูง ช่วยในการขับถ่ายนอกจากนี้ เมล็ดของฟักทองนั้นประกอบไปด้วยไขมัน แป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีน และวิตามิน มีสารช่วยฆ่าพยาธิตัวตืด ขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่ข้อควรระวังในการรับประทานฟักทองก็คือเนื่อจากฟักทองมีฤทธิ์อุ่นดังนั้นคนที่กระเพาะร้อนคือมีอาการกระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือ ท้องผูก เป็นแผลในช่องปาก เหงือกบวม ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้นได้ หรือแม้แต่ในคนปกติ การทานฟักทองมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้เช่นกัน


ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมของศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สามารถติดตามปฏิทินกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่ www.thaihealthcenter.org หรือ โทร.08-1731-8270


ภูมิใจที่ได้ปลูกผักกินเอง


นางสาวมะลิ ฟองทิพย์สุคนธ์ อายุ 60 ปี บอกว่า การมาร่วมกิจกรรมที่ศูนย์เรียนรู้ สสส.ถือเป็นแหล่งที่ให้ความรู้กับเรามากมาย และยังมีกิจกรรมที่มีความหลากหลายแตกต่างกันไป เช่น ออกกำลังกาย การให้ความรู้ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยกิจกรรมปลูกผักครั้งนี้ เรามีความสนใจ เพราะไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เยอะๆก็สามารถปลูกผักกินเองได้และบ้านตัวเองตอนนี้ก็อยู่คอนโดฯก็อยากจะลองหาพื้นที่เล็กๆ สำหรับการปลูก ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากเป็นความภูมิใจ เพราะผักที่เราปลูกองมันปลอดสารพิษ ไม่มีสารเคมีอย่างแน่นอน


นางสาวขวัญหทัย โห้ยุขัน อายุ 49 ปี แม่บ้าน บอกว่า กิจกรรมปลูกผักทำให้เราได้ความรู้และเทคนิคเกี่ยวกับการปลูกผักมากมาย ทั้งการเตรียมดิน การทำปุ๋ย ซึ่งหากเรามีดินที่ดี เราก็สามารถจะปลูกอะไรก็ได้ และหากเราลองได้ปลูกผักดูแล เมื่อถึงเวลาที่ผลผลิตออกมาก็เหมือนเป็นความสำเร็จของเรา และได้รับประโยชน์จากพืชผักที่ปลูก สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารรับประทานได้อีกด้วย


นางสาวสุมณฑา โห้ยุขัน อายุ 51 ปี รับราชการ บอกว่า ตนเองมีความสนใจเรื่องเกี่ยวกับการปลูกผักอยู่แล้ว จึงสนใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรมปลูกผักครั้งนี้ เนื่องจากผักที่เราซื้อตามตลาดเราไม่รู้เลยว่ามีสารเคมีมากน้อยขนาดนั้น ถึงแม้จะล้างทำความสะอาดหลายครั้ง แต่เราก็ยังไม่มั่นใจ ไม่เหมือนผักที่เราปลูกเองกับมือ เรามั่นใจว่าปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ นอกจากจะได้อาหารไว้รับประทานแล้ว ยังคิดว่าน่าจะเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้ด้วย


 


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code