บทเรียนราคาแพงที่แลกด้วย ‘ความสูญเสีย’

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก


ภาพประกอบจากเว็บไซต์คมชัดลึก


บทเรียนราคาแพงที่แลกด้วย \'ความสูญเสีย\' thaihealth


"อย่าคิดว่า คงไม่เกิดขึ้นกับเรา"คำบอก เล่าประโยคแรกของ ศรชัย ปินตาเสน วัย 39 ปี จาก ต.ห้วยญาติ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ที่กำลังเริ่มต้น เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล


เขาคือหนึ่งในผู้สูญเสียตัวจริงเสียงจริงจากคลิปดังส่งท้ายปี ชุด "สูญเสียกันทุกฝ่าย"


คลิปไวรัลที่รวมกรณีตัวอย่างของผู้ประสบอุบัติเหตุ เพราะ "ดื่มแล้วขับ" แคมเปญรณรงค์จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่สะท้อนแนวคิดให้เห็นว่าอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ประมาท ไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เพราะเสี้ยววินาทีนั้นอาจคือความสูญเสีย ทั้งการเอาชีวิตตัวเองและคนในครอบครัวไปเสี่ยง


"รู้สึกแย่มาก เพราะตอนก่อนอุบัติเหตุ เราก็รู้แก่ใจดีว่าการดื่มแล้วขับมันอันตราย ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ แต่ตอนนั้นคิดง่ายๆ ว่า "คงไม่เกิดขึ้นกับเราหรอก" จึงไม่ได้ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจ เกิดขึ้น"


ศรชัยย้อนรำลึกให้ฟังต่อว่า วันนั้นหลังเลิกงาน เขาได้แวะไปงานแต่งงานเพื่อน เพราะเป็นงานรื่นเริงยิ่งทำให้ดื่มเหล้าอย่างเต็มที่ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ล่วงเข้าตีสามแล้ว ทั้งที่เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นต้องขับรถไปทำธุระให้พ่อที่ต่างจังหวัด ช่วงที่ขับรถขา กลับนี้เอง ความที่พักผ่อนน้อย ประกอบกับเมาค้าง ทำให้เกิดอาการวูบ จนรถเสียหลักลงข้างทาง มารู้สึกตัว อีกครั้งที่โรงพยาบาล ก็พบว่าตัวเองแขนหักสองท่อนเสียแล้ว หนำซ้ำกระดูกสันหลังยังหักทับเส้นประสาท ทำให้เป็นอัมพาตมาจนถึงทุกวันนี้


"ตอนนั้นพอรู้ตัวแล้วใจหายมาก เรากำลังกลับบ้าน ตั้งใจจะพาลูกเที่ยวช่วงปิดเทอมพอดี แล้วก็เริ่มคิดถึงคนที่บ้าน"


ครอบครัวของศรชัยมีทั้งหมด 7 ชีวิต เขา ภรรยา พ่อแม่ และลูกอีกสามคน คนโตอายุเพียง 12 ปีคนกลางและคนเล็กอายุเพียง 6 และ 5 ขวบ ล้วนอยู่ในวัยกำลังเรียน การที่ขาดผู้นำครอบครัวซึ่งเป็นกำลังสำคัญทำให้ต้องเผชิญชีวิตที่ลำบากมากขึ้น


ความประมาทชั่ววูบไม่ได้ส่งผลเฉพาะตัวเอง แต่ยังส่งผลต่อในครอบครัวอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ความพิการทำให้ศรชัยไม่สามารถกลับไปทำงาน ได้อีก สูญเสียรายได้ที่เคยมี ปัจจุบันคนที่ต้องเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายในครอบครัวคือ "ประภาวรรณ ปินตาเสน"


"ตอนนั้นสับสนไปหมดว่าจะทำอย่างไรดี ตอนสาวๆ เราเคยออกจากบ้านไปทำงานหารายได้ที่อื่นก็จริง แต่ตอนนี้อายุมากขึ้นแล้ว ก็คิดจะกลับมาอยู่บ้าน ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ หารายได้เสริม ตั้งใจจะหาเงินเก็บไว้ให้ลูกได้เรียนหนังสือจนจบ แต่พอสามีซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว เคยมีรายได้มั่นคงมาประสบอุบัติเหตุ"


นอกจากเธอได้ปรับบทบาทมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนสามี ด้วยการหารายได้ด้วยเงิน รับจ้างรายวันเพียงวันละ 300 บาท รับจ้างทำ หมูกระจกบ้าง แกะลำไยบ้าง ก็ยังต้องดูแลสามีไปด้วย


"กิจวัตรประจำทุกวันนี้ ตื่นเช้ามาก็หาอาหารให้ลูกกินแล้วไปโรงเรียน ดูแลสามีให้เรียบร้อย แล้วก็ออกไปทำงาน ตอนเที่ยงกลับมาดูแล แล้ว กลับไปทำงานต่อ กลับมาบ้านอีกทีก็ตอนเย็น มาทำกายภาพให้สามี ทำความสะอาด แล้วดูแลลูกต่อ" เธอเล่า


ทว่าเมื่อรายได้ไม่เพียงพอสำหรับ 7 ชีวิต ต้องเดือดร้อน "พ่อ" ที่อายุมากแล้ว ต้องออกไปทำงานหารายได้ช่วยครอบครัว เพราะกลัวหลานไม่ได้เรียนหนังสือ ส่วน "แม่" ที่แก่แล้วก็ต้องออกไปทำงานรับจ้างในแต่ละวัน ช่วยหารายได้เสริมอีกทาง


"ผมเคยรู้สึกท้อ บางครั้งไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ แต่คิดถึงลูก ก็ฮึดสู้ขึ้นมา ที่ทำให้อยู่ได้ทุกวันนี้ และเรามาคิดว่ายังมีคนที่แย่กว่าเราเยอะ"


บทเรียนจากศรชัยเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่มียกเว้น แต่เพราะเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเราหรือครอบครัวเรา หลายคนจึงมักจะคิดว่า "การสูญเสีย" เป็นเรื่องไกลตัวเสมอ


แต่จากสถิติ 7 วันอันตราย ช่วงเข้าปีใหม่ 2560 พบคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนถึง 22,356 คน โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ซึ่งเป็นช่วงที่มี วันหยุดยาว มีการใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังเป็นเทศกาลแห่งการสังสรรค์และเฉลิมฉลอง


แค่ช่วง 7 วันอันตรายของปีใหม่ 2560 ที่ผ่านมา พบสถิติผู้เสียชีวิตเพิ่มถึงร้อยละ 25 (จากปี 2559) ซึ่งการดื่มแล้วขับคือสาเหตุอันดับ 1


อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ "ความเสี่ยง" ในการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด คือ "ความเร็ว" ซึ่งเป็น สาเหตุหลักของการเสียชีวิตถึงร้อยละ 37.8


เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่าย จึงได้ร่วมมือกันหามาตรการเพื่อกระตุ้นเตือนสังคม และรณรงค์สร้างจิตสำนึก "การมีวินัย จราจร" เพื่อให้ทุกคนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 นี้


โดยได้เลือกใช้วาระใกล้วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามข้อแนะนำเรื่องความปลอดภัยทางถนน ไม่ว่าจะเป็นการไม่ดื่มสุรา ทั้งก่อนและขณะขับรถ การขับรถ ด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด และทุกครั้งที่ขับขี่ควรคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ โดยหากทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างมาก อีกทั้งยังกระตุ้นเตือนสังคมด้วยวิดีโอรณรงค์ชุด "สูญเสียกันทุกฝ่าย" เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเตือนใจไม่ให้ประมาท


สำหรับ ศรชัย เองตอนนี้พอรู้สึกตัวได้บ้างและอาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะภรรยาและลูกๆ ต่างช่วยทำกายภาพบำบัดให้เขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ศรชัยเข้มแข็งขึ้นเพราะได้กำลังใจที่ดีจากครอบครัว และแม้ว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นจะเป็นกาวใจที่ช่วยสานความสัมพันธ์ สร้างความอบอุ่นในครอบครัว ทำให้เขามีเวลาให้กับลูกๆ มากกว่าแต่ก่อน แต่หากเป็นไปได้ศรชัยยืนยันว่าอยากกลับไปเปลี่ยนแปลงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งในวันนั้น นั่นคือเขาจะไม่ยอม "ดื่มแล้วขับ" แน่นอน


ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดความสูญเสียบน ท้องถนน รับชมและแชร์ วิดีโอรณรงค์ ชุด "สูญเสียกันทุกฝ่าย" ได้ที่ facebook : socialmarketingth สายด่วนแจ้งอุบัติเหตุ โทร.1669

Shares:
QR Code :
QR Code