น้ำใจไทยฝ่าภัยน้ำท่วม
เป็นเวลาร่วมเดือนแล้วที่ประเทศของเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติแห่งชาติในรอบหลายสิบปี เมื่อมีปรากฏการณ์น้ำท่วมเข้าสู่บ้านเรือนในพื้นที่หลายจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดในภาคกลางซึ่งเป็นเสมือนศูนย์กลางของภาคเศรษฐกิจ และยังเป็นพื้นที่ชัยภูมิสำคัญในการเพาะปลูกพืชหลักของประเทศ อย่างข้าว
และก็เป็นเวลาอีกร่วมเดือนเช่นกันที่ทั้งภาครัฐบาล และเอกชน ผนึกกำลังกันส่งแรงความช่วยเหลือทั้งในรูปของ สิ่งของเครื่องใช้ เงินบริจาค หรือแม้กระทั่งลุยน้ำเข้าไปหาผู้ที่ประสบภัยให้ความช่วยเหลือในด้านการแพทย์ การสาธารณสุข และช่วยกันพาผู้ประสบภัยในพื้นที่ซึ่งน้ำท่วมสูงถึง 3-4 เมตรนั้นออกมาอยู่ในสถานที่ปลอดภัยที่ทางราชการจัดเอาไว้สำหรับรองรับ
ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. มีการจัดระดมพล ทั้งเจ้าหน้าที่ภายใน และบุคคลภายนอกที่มีความตั้งใจดีที่จะมาช่วยลงทุน ลงแรงจัดของสำหรับบริจาคไปยังพื้นที่ประสบภัย นอกจากนี้ยังมีเด็กๆ นักเรียนนักศึกษาที่เป็นลูกหลานของบุคลากรที่ทำงานใน สสส. เองมาช่วยกันด้วย
น้องแนน วรัญญา น้อยดี นักเรียนจากโรงเรียนสตรีวัดระฆัง หนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงวัยทีนที่มาช่วยจัดอาหารแห้งใส่ถุงยังชีพ บอกว่า ช่วงเวลาปิดเทอมนี้ เธอใช้เวลาว่างเว้นจากการไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ชักชวนเพื่อนๆ มาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคม เพราะสิ่งที่ทำนั้นทำให้สังคมได้รับประโยชน์ นอกเหนือจากความสุขส่วนตัวที่ตนได้รับ
นี่เป็นโอกาสหนึ่งที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสะท้อนให้สังคมเห็นว่า พวกเขาเหล่านี้มีจิตอาสา ในตัวเอง และต้องการพื้นที่ที่จะส่งแรงบุญกุศลเหล่านี้ เมื่อมีโอกาส พวกเธอจึงไม่รอช้า ตบเท้าเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วยความเต็มใจ ที่สำคัญ พวกเธอยังได้แรงสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้ปกครอง
ในขณะที่ น.ส.มาฆะรัตน์ อัมพรเกียรติพล เจ้าหน้าที่จากสำนัก 4 ของ สสส. ระบุว่า เธอชักชวนเพื่อนๆ มาช่วยลงแรงแพ็คของ หลังจากที่ทราบข่าวผ่านเครือข่ายเฟซบุ๊ค
รู้สึกว่าเราคนกรุงเทพฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมเหมือนในหลายจังหวัด ที่ผู้ประสบภัยมีความลำบากมาก หากเราช่วยได้ เราก็ยินดีที่ทำอย่างเต็มที่ ส่วนหลายคนที่คิดว่าต้องบริจาคเงินอย่างเดียวเท่านั้น อยากให้คิดว่าแม้หากไม่มีทุนหรือกำลังทรัพย์เพียงพอ ก็ยังมีอีกหลายช่องทางที่จะช่วยเหลือได้
ทางด้าน นายกิตติพงษ์ อิ่นแก้ว ตัวแทนเครือข่ายอาสาดุสิต ซึ่งเป็นบัณฑิตจบใหม่จากรั้วศิลปากร ที่ ป็นอีกหนึ่งแรงประสานที่ลงมาทำงานร่วมด้วยช่วยกันในครั้งนี้ ที่เข้าร่วมกลุ่มอาสาดุสิตมาตั้งแต่คราวน้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
เขาบอกว่า ไม่เพียงแต่เม็ดเงิน และสิ่งของบริจาคเท่านั้นที่สำคัญในยามนี้ แต่แรงกำลังของคนไทยด้วยกันในการช่วยจัดการ และจัดของลงสู่ถุงยังชีพต่างๆ ที่ภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดหามา และจะนำไปส่งต่อนั้น เป็นสิ่งจำเป็นมากในยามที่คนไทยกำลังต่อสู้กับความยากลำบากที่เกิดขึ้นจากอุทกภัย
เรามาบรรจุของจำเป็นจำพวก ข้าวสาร อาหารแห้ง ขนม อาหารกระป๋อง น้ำดื่ม เทียนไข ถุงดำ มีอาหารสัตว์ด้วย ของเหล่านี้เราได้รับจากการบริจาคจากหลายภาคส่วน แม้ในบางครั้งการบรรจุสิ่งของเหล่านี้จะประสบปัญหาอยู่บ้าง ในเรื่องของกำลังคน หรือสิ่งของที่ไม่พอดีกับจำนวนถุงยังชีพ แต่ปัญหาเหล่านั้นก็มักจะถูกปรับแก้ไขผ่านไปได้เสมอ เพราะแรงใจและแรงกายของพี่น้องชาวไทยที่ร่วมกัน
งานนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้เข้าไปร่วมสนับสนุนการทำงานของภาคีเครือข่ายที่ออกมารวมน้ำใจในการส่งความช่วยเหลือให้กับพี่น้องร่วมชาติ ทั้งกลุ่มอาสาดุสิต และศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ หรือ thaiflood โดยความร่วมมือกับอีกหลายๆ องค์กร อาทิ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และภาคเอกชนต่างๆ
งานอาสาแพ็คถุงยังชีพสำหรับบริจาคเพื่อพี่น้องที่ประสบภัย ยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย คงต้องอาศัยกำลังจากคนไทยที่มีจิตอาสาเช่นเดียวกับเด็กๆ และเยาวชนเหล่านี้ ร่วมใจกันช่วยเหลือตามศูนย์ช่วยเหลือต่างๆ ที่จัดไว้ทั่วทุกมุมเมืองในกรุงเทพมหานคร
แม้ว่าน้ำท่วมครั้งนี้จะเป็นภัยพิบัติใหญ่หลวงที่จะมาบั่นทอนทำลายเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทยทั่วทั้งประเทศ แต่ด้วยพลังของความสามัคคีที่เราได้เห็นจากการทำงานของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐบาล และเอกชน ทำให้มั่นใจได้ว่า คนไทยทั้งประเทศจะช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปได้อีกครั้งอย่างแน่นอน
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ