น้ำตาไหลวินาทีเห็นควันออกจากพระเมรุมาศ

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


น้ำตาไหลวินาทีเห็นควันออกจากพระเมรุมาศ thaihealth


แฟ้มภาพ


          ประชาชนร่วมชมริ้วขบวนอัญเชิญพระโกศพระบรมศพ พระผอบพระบรมราชสรีรางคาร จากพระเมรุมาศสู่พระบรมมหาราชวัง เผยใจหาย น้ำตาไหลวินาทีเห็นควันออกจากพระเมรุมาศ


          เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 60 บริเวณท้องสนามฝั่งทิศเหนือ ด้านเวทีมหรสพ ประชาชนจำนวนมากปักหลักรอชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ริ้วขบวนที่ 4 อัญเชิญพระโกศบรมอัฐิ ประดิษฐานบนบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยาน และอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร จากพระเมรุมาศประดิษฐานในพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย ก่อนเคลื่อนจากมณฑลพิธีท้องสนามเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง


          จากนั้นเวลา 10.50 น.ริ้วขบวนที่ 4 เริ่มเคลื่อนออกจากพระเมรุมาศในมณฑลพิธี เลี้ยวขวาถนนเส้นกลางสนามหลวง และเลี้ยงขวาไปตามเส้นทางถนนราชดำเนินใน ระหว่างที่ริ้วขบวนเคลื่อนประชาชนต่างโน้มตัวก้มกราบ หลายคนน้ำตาไหล


          นางประหล่ำ ครุฑชูชื่น วัย 64 ปี ประชาชนจากจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยนางชุม ศรีหาญ จากจังหวัดน่าน โดยนางประหล่ำ บอกว่า พวกตนเดินทางมา 3 คนตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม มาถึงกรุงเทพฯวันที่ 25 ตุลาคมและผ่านจุดคัดกรองเข้ามาได้ก็ช่วงเที่ยงคืน และอยู่ร่วมพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในวันที่ 26 ตุลาคมมาจนถึงวันนี้ที่มีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมอัฐิ และพระผอบบรมราชสรีรางคาร เป็นความตั้งใจที่อยากจะมาอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์


          โดยเฉพาะนางชุม ที่แม้สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก ก็ขอว่ายังไงต้องพามาที่นี่ เจอมาหมดทุกสภทพอากาศ ร้อนแดด ฝนตก แต่ไม่รู้สึกลำบากอะไร อยากจะอยู่ในทุกช่วงเวลาของพิธี เหมือนที่ตอนนี้มีเก็บพระบรมอัฐิร้อนแค่ไหนก็รอร่วมส่งเสด็จ


          "เมื่อคืนพวกป้าก็มานั่งรอกันอยู่ในพื้นที่สนามหลวงทางทิศเหนือ มาร่วมตอนการพระเพลิงพระบรมศพ จริงวินาทีที่เริ่มเห็นควันลอยออกมาจากพระเมรุมาศ น้ำตามันไหล นับแต่วันเสด็จสวรรคต 13 ตุลาคมจนถึงวันนี้ 26 ตุลาคมยังรู้สึกเสียใจ คิดถึงพระองค์มาก ทรงเป็นพระราชาของแผ่นดินไทย เป็นพ่อของคนไทย พ่อที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกของท่านมีความสุข ซึ่งป้าก็ตั้งจิตอธิษฐานขอพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติตลอดไป ขอพระองค์ไม่ต้องห่วง และตัวป้าตั้งใจจะทำความดีตลอดไปเช่นกัน"นางประหล่ำกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาไหล


          ส่วน นางชุม บอกพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลว่า ถึงจะป่วยแต่ก็อยากจะมาร่วมพิธีที่กรุงเทพมากกว่า เลยขอให้นางประหล่ำ ช่วยพามาหน่อย แม้มาแล้วจะเจอทั้งแดดร้อน ฝนตกเสื้อผ้าเปียกไปหมดก็ไม่เป็นไร แค่ได้มาอยู่ใกล้ท่านให้มากที่สุด โดยพยายามดูแลสุขภาพตัวเอง ยิ่งเมื่อคืนมีพระเพลิงพระบรมศพ ยิ่งรู้สึกเศร้า


          ขณะที่ นายสมาน หงษ์ทอง ชาวจังหวัดศรีษะเกษ เล่าว่า เดินทางมาคนเดียวจากจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม มาถึงกรุงเทพฯและรอเข้าจุดคัดกรองแถวพระแม่ธรณีบีบมวยผมตั้งแต่ช่วง 20.00 น.แต่ไม่สามารถเข้ามาถึงพื้นที่ด้านในได้ เพราะคนในบริเวณนั้นเยอะมาก ก็เลยได้แค่ส่งเสด็จท่านอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งช่วงเวลา 05.00 น.วันนี้ 26 ต.ค.เจ้าหน้าที่ก็เปิดให้เข้ามาในพื้นที่ จึงได้มีโอกาสมานั่งตรงนี้ถือได้ว่าใกล้พระองค์


          "ตอนที่อยู่ด้านนอกมองจากไกลๆก็เห็นกลุ่มควันลอยในบริเวณสนามหลวง ได้ยินคนพูดว่าถวายพระเพลิงพระบรมศพจริงแล้ว ช่วงเวลานั้นรอบๆตัวก็มีคนร้องไห้ หลายคนก็ถ่ายรูป ส่วนตั้งจิตอธิษฐานขอให้ท่านไปสบาย และตั้งใจนำคำสอนของพระองค์ทุกเรื่องไปใช้ในชีวิต"นายสมาน กล่าว


 

Shares:
QR Code :
QR Code