"นราธิวาส"กับความพยายาม พัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กปฐมวัย
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
ภาพประกอบจาก สสส.
กว่าทศวรรษแล้วที่ “3 จังหวัดชายแดนใต้” อันประกอบด้วย “ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส” ต้องเผชิญกับ “เหตุความรุนแรง” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างมากเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆที่เหลือของประเทศไทย เนื่องจาก “เสียงปืน-ระเบิด..และการบาดเจ็บล้มตาย” ได้กลายเป็น “ภาพจำ” สำหรับคนภายนอกที่ติดตามข่าวสารผ่านสื่อ ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่กล้าเดินทางไปท่องเที่ยวหรือทำงาน “อย่าไปดีกว่า..ไป 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่กลัวตายหรือ?” เป็นคำเตือนและคำถามที่มักถูกพูดถึงกันเสมอมา
แต่อีกด้านหนึ่ง “ยังมีผู้ที่ไม่ได้ละทิ้งดินแดนปลายด้ามขวานย้ายถิ่นฐานไปไหน” พวกเขายังคงพยายาม “พัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชน” ที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะเพื่อ “เด็ก-เยาวชน” ประชากรที่จะต้องเติบโตขึ้นมาและมีชีวิตอยู่ต่อไปดังที่ “จังหวัดนราธิวาส” ที่คณะทำงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และคณะสื่อมวลชน เดินทางไปศึกษาดูงานเมื่อเร็วๆ นี้
กำหนดการเดินทางเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้า ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านบาลูกา ในพื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส เพื่อให้ทันเวลาเก็บภาพผู้ปกครองพาบุตรหลานมาส่ง โดยศูนย์ฯ แห่งนี้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2531 และจดทะเบียนกับ กรมการพัฒนาชุมชน อย่างเป็นทางการในปี 2535 ซึ่งผู้ดูแลเด็ก ซัลมา ดิง เล่าว่า ปัจจุบันศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านบาลูกา มีเด็กจำนวน 71 คน อายุเฉลี่ย 2-4 ปี ที่นี่ยังไม่เร่งเรียนเขียนอ่านมากนัก แต่จะเน้นกิจกรรมสร้างเสริมพัฒนาการเด็กตามวัยมากกว่า
เช่นเดียวกับ อาซีหย๊ะ ไทรทอง ผู้อำนวยการกองการศึกษา ที่กล่าวเสริมว่า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านบาลูกาให้ความสำคัญกับหลัก “ฮาลาล-ตอยยิบ”ฮาลาลคือการประกอบอาหารที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ส่วนตอยยิบคือการประกอบอาหารที่ถูกหลักอนามัยและโภชนาการ เช่น ผักต้องปลอดสารพิษอ่างล้างผักในครัวจะลึกกว่าอ่างที่ใช้ทั่วไปราว 30 เซนติเมตร เมื่อไม่ให้น้ำในอ่างกระเด็นมาถูกผักที่ล้างแล้วและวางไว้ด้านบน
หรือมีความร่วมมือกันระหว่างคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส และโรงพยาบาลแว้ง เข้าตรวจสอบโรงเชือดสัตว์ นอกจากนี้การทำงานร่วมกับโรงพยาบาล จึงมีนักโภชนาการคอยให้คำแนะนำการทำอาหาร ที่สำคัญ “การที่นายก อบต.แว้งจบมาทางนักโภชนาการโดยตรง จึงให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคุณค่าทางโภชนาการของอาหารในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” มีการใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) เป็นช่องทางให้ส่งภาพอาหารในศูนย์ฯ เพื่อแนะนำกันว่าอะไรที่ควรปรับปรุงหรือเพิ่มเติม
จากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านบาลูกา ช่วงสายๆ คณะสื่อและคณะทำงาน สสส. เดินทางไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจำนวน 3 แห่งในพื้นที่ “ตำบลกะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส” ที่จัดสถานที่ทำ “สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา” ไล่ตั้งแต่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านบางมะนาว โดยครูประจำศูนย์ฯ พิกุล กะแลแปะ เล่าว่า สนามเด็กเล่นสร้างปัญญาได้รับการสนับสนุนโดย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมกับ มูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา นับจากเปิดมาในเวลาเพียงไม่กี่เดือนมีเด็กๆ ทั้งในศูนย์ฯ และโรงเรียนประถมที่ตั้งอยู่ข้างศูนย์ฯ มาเล่นเป็นจำนวนมาก
เช่นเดียวกับ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเขาตันหยง ผู้ช่วยครูผู้ดูแลเด็ก สาคีเราะ เจะแต กล่าวว่า บริเวณรอบศูนย์ฯ เป็นชุมชนขนาดใหญ่มีหมู่บ้านถึง 4 แห่งอยู่ใกล้เคียง “ผู้ปกครองเห็นบุตรหลานเล่นอย่างสนุกสนานก็มีความสุขไปด้วย” เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีสนามเด็กเล่นแบบนี้มาก่อน รวมถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสิรินธร โดยนักวิชาการศึกษา มัสลีซา ปาทาน กล่าวว่า ศูนย์ฯ มีเด็ก 72 คน ส่วนสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาที่นี่ก่อสร้างในเดือน ก.ค. 2562 เป็นการแบ่งเวลาของเด็กๆ ระหว่างการเรียนรู้ในและนอกห้องเรียน โดยมีครูดูแลด้านความปลอดภัยให้
ประธานมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ดิสสกร กุนธร อธิบายเพิ่มเติมว่า ปรากฏการณ์ “เด็กติดจอ”ตั้งแต่ยุคจอโทรทัศน์มาจนถึงจอโทรศัพท์มือถือ ส่งผลให้เด็กมีอารมณ์รุนแรง เอาแต่ใจ ไม่มีสมาธิ อีกทั้งยังส่งผลต่อสายตาด้วย โดยมีรายงานมากมายจากจักษุแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ ถึงขั้นที่มีคำแนะนำว่าไม่ควรให้เด็กอายุ 0-3 ปี ดูจอเหล่านี้ จนนำไปสู่แนวคิด “การหวนกลับคืนสู่สิ่งดั้งเดิม” คือการเล่นตามธรรมชาติ
“ถามว่าสนามเด็กเล่นสร้างอะไร นอกจากสร้างกล้ามเนื้อที่เราเห็นแล้วคือสร้างระบบการตัดสินใจทางสมอง เรียกว่าความมั่นคง การเป็นผู้นำในอนาคต การมีจิตอาสาที่จะยอมทำงานเพื่อคนอื่นได้จะต้องมีสมองที่มั่นคง หลังจากได้ตัดสินใจขึ้นมาบนเรือนี้ สไลด์ลงมาบ้าง วิ่งลงมาบ้าง ลงไปในน้ำบ้าง ในตำราบอกว่าเขาจะเล่นซ้ำเล่นซาก แต่ผมค้านว่าเด็กไม่เคยเล่นซ้ำ ทุกครั้งเขาจะมีพัฒนาการ จะเล่นให้ง่ายขึ้น พิสดารขึ้นอย่างเชือกที่ปีน ตอนนี้ท่านเห็นเท้าปีน-มือจับ ต่อไปกลับหัว เท้าอยู่ข้างบน เด็ก 3 ขวบนี่เก่งมาก เหาะเหินเดินอากาศได้ ตีลังกาได้” ดิสสกร กล่าว
ขณะที่ ประธานเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ สมพร ใช้บางยาง กล่าวว่าเชื่อมั่นในบทบาทของชุมชนท้องถิ่น “หากท้องถิ่นเข้มแข็งก็เหมือนประเทศไทยมีฐานรากที่เข้มแข็งด้วย” อย่างโครงการสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายจากวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น ต้นทุนที่เกี่ยวกับการสั่งซื้อจึงไม่สูงนัก แต่สามารถเสริมสร้างศักยภาพเด็กได้นอกเหนือจากการเรียนหนังสือในห้องเรียน
ปิดท้ายด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เอกรัฐ หลีเส็น กล่าวเป็นบทสรุปว่า โครงการสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาในพื้นที่เป็นการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนในชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนเกิดความตระหนักได้ว่าสามารถดูแลคุณภาพชีวิตกันเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาภาครัฐเพียงอย่างเดียว ซึ่งการที่ท้องถิ่นเข้มแข็งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วย