ท้องถิ่นประสานใจสร้างเด็กปฐมวัยให้มีอนาคต

ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึกภาพ

ภาพโดย สสส.


ท้องถิ่นประสานใจสร้างเด็กปฐมวัยให้มีอนาคต thaihealth


การเลี้ยงเด็กให้เติบโตเป็นคนดีมีคุณภาพเป็นเรื่องที่ยากในปัจจุบัน เมื่อบริบทสังคมเปลี่ยนไป พ่อแม่ต้องทำงานหาเงินจนไม่มีเวลา บางรายก็ต้องไปทำงานต่างจังหวัดทิ้งไว้ให้ปู่ย่าตายายเลี้ยงดู เด็กจึงขาดความรักความอบอุ่น ความเข้าใจ หลายคนมองไม่เห็นปัญหา แท้จริงแล้วนี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ค่อยๆ ซึมซับโดยไม่รู้ตัว


จากการเก็บข้อมูลของสำนักส่งเสริม สุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 2,148 แห่งในกลุ่มประชากร 9 ล้านคน 3 แสนครอบครัว พบว่าเด็กปฐมวัยอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายาย 43% และอยู่กับบุคคลอื่น 28% โดยอาศัยอยู่กับพ่อแม่มีเพียง 28% เท่านั้น


ท้องถิ่นประสานใจสร้างเด็กปฐมวัยให้มีอนาคต thaihealth


"การที่เด็กไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่นั้น จะเกิดผลกระทบและปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น การเติบโตช้า พัฒนาการล่าช้า มีการเจ็บป่วย ขาดผู้ดูแล และปัญหาความรุนแรง" น.ส.ดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุน สุขภาวะชุมชน ชี้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น


เมื่อบริบทสังคมเปลี่ยนไปการเลี้ยงดูเด็กจึงใช้วิธีการเดิมๆ ไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องก็ดีจำเป็นต้องมาช่วยกัน ระดมสรรพกำลังแบ่งเบา ภาระพ่อแม่ผู้ปกครองและผู้สูงวัย ไม่ทิ้งให้เป็นไปตามยถากรรมอีกต่อไป         


ท้องถิ่นประสานใจสร้างเด็กปฐมวัยให้มีอนาคต thaihealth


การดูแลต้องเริ่มที่เด็กปฐมวัย คือตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึง 6 ขวบ ซึ่งเด็กวัยนี้จำเป็นต้อง ได้รับการเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา         


กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ มูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา และเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ได้ร่วมกันพัฒนาระบบการดูแลเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา โดยยึดหลักการทำงาน 4 หลัก คือ 1.การใช้พื้นที่เป็นฐานการพัฒนา 2.การคำนึงถึงสุขภาพในทุกนโยบายของชุมชนท้องถิ่น 3.การสร้างการมีส่วนร่วม และ 4.การสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของการขับเคลื่อนระบบ        


ท้องถิ่นประสานใจสร้างเด็กปฐมวัยให้มีอนาคต thaihealth


ขณะเดียวกันได้ยึดแนวทางภายใต้ 6 ชุดกิจกรรม ได้แก่ 1.การพัฒนาศักยภาพสำหรับเด็กปฐมวัยหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง 2.การพัฒนาหรือปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ 3.การพัฒนาบริการ 4.การจัดตั้งกองทุนหรือสวัสดิการช่วยเหลือ 5.การพัฒนาและใช้ข้อมูลในการส่งเสริมแก้ไขหรือจัดการปัญหา และ 6.การพัฒนากฎ กติกา ระเบียบสนับสนุน      


"เราสร้างทุนทางสังคมและชุมชนเพื่อเข้า ไปหนุนเสริมช่วยเหลือ เด็กจะได้เติบโตไปในทางที่ดี" น.ส.ดวงพร กล่าว


ที่เทศบาลตำบลบ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และพื้นที่กว้างขวาง การทำงานจึงค่อนข้างลำบากและท้าทายพอสมควร ที่นี่มีการจัดการระบบการดูแลเด็กได้อย่างน่าสนใจ


ท้องถิ่นประสานใจสร้างเด็กปฐมวัยให้มีอนาคต thaihealth


น.ส.พิมพ์พร ภิระคำ นักวิชาการศึกษา เทศบาลตำบลบ้านหลวง จอมทอง เปิดเผยว่า ใน ต.บ้านหลวง มีเด็ก 1,275 คน หรือ 10% ของประชากรทั้งหมด มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจำนวน 10 แห่ง กระจายอยู่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 300 ตารางกิโลเมตร เทศบาลตำบลบ้านหลวงจึงอยากให้เด็กๆ ได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด และลดเวลาเดินทางไปเรียนให้น้อยที่สุด จึงกำหนดให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) อีก 4 แห่งคอยดูแลให้บริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง         


ด้านกลไกการดูแลเด็กมี 4 เสาหลัก เชื่อมโยงการทำงาน ได้แก่ 1.ศูนย์พัฒนา เด็กเล็ก คือให้เด็กได้รับพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน 2.ศูนย์พัฒนาครอบครัว เพื่อดูแลกลุ่มเด็กเปราะบาง เพื่อให้อยู่กับสังคมได้อย่างมีความสุข 3.รพ.สต.ทั้ง 4 แห่งที่ให้บริการสาธารณสุข และ 4.ภาคประชาชนที่ส่งเสริมให้ลุกขึ้นมาช่วยดูแลเด็กในชุมชนของตัวเอง โดยกลุ่มหรือชมรมต่างๆ         


เมื่อมีความแตกต่างทางชาติพันธุ์และพื้นที่ลำบาก อะไรที่ทำให้ตำบลบ้านหลวงขับเคลื่อนระบบการดูแลเด็กได้จนประสบผลสำเร็จ น.ส.พิมพ์พร บอกว่า ต้องปรับให้เข้ากับบริบท ความเชื่อและวิถีชีวิต เพราะโครงการเดียวกัน วิธีเดียวกัน อาจจะใช้กับพื้นที่อื่นๆ ไม่ได้ จึงต้องหาวิธีของแต่ละพื้นที่ให้เจอ และสิ่งสำคัญคือต้องใช้ผู้นำและกลไกทางสังคมเข้ามาเป็นตัวเชื่อม         


ท้องถิ่นประสานใจสร้างเด็กปฐมวัยให้มีอนาคต thaihealth


ขณะที่ อบต.ยางขี้นก อ.เขื่องใน จ.อุบล ราชธานี ได้ใช้การเชื่อมความสัมพันธ์ของคนสองวัยมาเป็นกลยุทธ์ในการดูแลเด็กในชุมชน ครูเพ็ญศรี สร้อยมาตร์ ครูผู้ดูแลเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านยางขี้นก เปิดเผยว่า เดี๋ยวนี้พ่อแม่ทิ้งลูกให้คนแก่ดูแล จึงเป็นช่องว่างของคนสองวัยที่อาจจะไม่เข้าใจกัน ขณะเดียวกันการใช้สื่อสมัยใหม่ อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ ก็เป็นปัญหา เพราะผู้สูงอายุตามไม่ทัน ทางศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจึงอยากเชื่อมสัมพันธ์คนสองวัยด้วยการจัดกิจกรรมให้มีอะไรทำร่วมกัน เอาภูมิปัญญา วัฒนธรรมและประเพณีมาถ่ายทอดให้ ช่วยขับเคลื่อนชุมชนให้ก้าวต่อไปในทิศทางที่ดีขึ้น


อปท.ในฐานะผู้รับผิดชอบศูนย์พัฒนา เด็กเล็ก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเด็ก จึงเป็นหน่วยงานหลักที่ต้องมีบทบาทและใส่ใจนโยบายระบบการดูแลสุขภาพเด็กปฐมวัยและประถมศึกษาไม่น้อยกว่านโยบายในด้านอื่นๆ เช่นกัน


นายอุเทน ศรีนอก นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสมาใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา กล่าวถึงแนวทางในการดูแลเด็กในพื้นที่ ว่าเมื่อก่อนคนในชุมชนใกล้ชิด รู้จักช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแลลูกหลานให้กันอย่างทั่วถึง แต่เดี๋ยวนี้สังคมชนบทเริ่มเปลี่ยนไป คนเริ่มไม่รู้จักกัน ท้องถิ่นก็ต้องเข้ามาดูแลจัดการ ซึ่งต้องดึงผู้ที่มีความสามารถที่หลากหลายในชุมชนเข้ามาช่วยกัน สิ่งสำคัญคือผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ ใส่ใจการทำงาน ด้านข้อมูล แผนงานหรือโครงการ แผนการวิธีปฏิบัติงาน การติดตาม ประเมินผล สิ่งที่ดีก็พัฒนาต่อ สิ่งที่ขาดจะพัฒนาอย่างไร ต้องปรับปรุงส่วนไหนให้ ระบบการดูแลเด็กดีขึ้น


เช่นเดียวกับ ดร.กิตติพงศ์ สีเหลือง นายกอบต.เสม็ดใต้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ที่ย้ำถึงการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนว่า เสม็ดใต้เน้นการสร้างภาคีที่เข้มแข็งมาช่วยเรื่องการสืบค้นข้อมูล "เราเป็นสังคมชนบทกึ่งเมือง จะว่ายาก ก็ยาก แต่หัวใจการทำงานคือเราต้องตั้งเป้าหมาย ก็ยาก แต่หัวใจการทำงานคือเราต้องตั้งเป้าหมาย โดยเอาเด็กเป็นตัวตั้ง อบต.ก็รับเป็นเจ้าภาพคอยประสานทุกกลุ่มมาช่วยกัน ต้องใช้วิธีการทำงานทุกอย่างเพื่อขับเคลื่อนการดูแลเด็กให้ต่อเนื่อง" นายก อบต.เสม็ดใต้ กล่าว


ท้องถิ่นประสานใจสร้างเด็กปฐมวัยให้มีอนาคต thaihealth


สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ถูกนำเข้ามาส่งเสริมในการพัฒนาระบบการดูแลเด็กปฐมวัยของแต่ละพื้นที่โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้จัดสรรงบประมาณให้แก่ อปท.เครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการเพื่อนำไปจัดสร้าง ซึ่งขณะนี้แล้วเสร็จจำนวน 524 แห่งทั่วประเทศ สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ประกอบด้วย 5 ฐาน ได้แก่ 1.สระน้ำอินจัน ช่วยฝึกสมองท้ายทอย ทรงตัว 2.สระน้ำลาดต่างระดับตามช่วงวัยที่เหมาะสม มีน้ำพุตรงกลาง ช่วยฝึกเด็กรักการเล่นน้ำ ฝึกความคิด ผ่อนคลาย 3.ค่ายกล ฝึกปีนป่ายสร้างความมั่นคงทางจิตใจ กล้าหาญ สร้างสรรค์ 4.เรือสลัดลิง ช่วยสร้างจินตนาการ ปีนป่าย และ 5.สระหัด ว่ายน้ำ ช่วยให้เด็กว่ายน้ำเป็น สามารถช่วยเหลือ ตนเองและผู้อื่นได้


ท้องถิ่นประสานใจสร้างเด็กปฐมวัยให้มีอนาคต thaihealth


อ.ดิสสกร กุลธร ประธานมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา กล่าวว่า สนามเด็กเล่นสร้างปัญญาเกิดขึ้นด้วยแนวคิดการเล่นแบบฉันทศึกษาของในหลวงรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เป็นการเล่นแบบธรรมชาติ เด็กที่ได้สัมผัสดิน น้ำ ได้ปีนป่าย จะมีความสุขได้พัฒนาระบบความคิด เป็นการเรียนรู้จากการเล่น


"สนามเด็กเล่นสร้างปัญญาแต่ละแห่งเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนที่มาช่วยกันทั้งบริจาคเงิน วัสดุ อุปกรณ์ และลงแรงช่วยจนแล้วเสร็จเพื่อให้ตรงนี้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเด็ก" อ.ดิสสกร กล่าว


ท้องถิ่นประสานใจสร้างเด็กปฐมวัยให้มีอนาคต thaihealth


เช่นเดียวกับการอ่านสร้างความรอบรู้ทางสุขภาพ เป็นอีกหนึ่งกลไกการพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ ทั้งสื่อและกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการอ่านและการเขียนภาษาไทยให้แก่เด็กๆ


นายทวี เสริมภักดีกัล รองอธิบดีกรม ส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวว่า การอ่านเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยสร้างคน สร้างสติปัญญา ซึ่งทาง สถ.ได้สนับสนุนให้ อปท. ทำห้องสมุดประชาชนเพื่อให้เป็นที่อ่านหนังสือของชุมชนอย่างน้อย อปท.ละ 1 แห่ง และยังร่วมกับมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมในการนำสัญญาณมาใช้ในการเรียนการสอนในสถานศึกษาสังกัดของ อปท.


ในวันนี้อาจกล่าวได้ว่าอนาคตของชาติขึ้นอยู่ในมือของท้องถิ่นคงไม่ผิดนัก เมื่อเด็กเข้มแข็ง ชุมชนก็จะเข้มแข็งเป็นฐานที่มั่นคงเข้มแข็ง ชุมชนก็จะเข้มแข็งเป็นฐานที่มั่นคงประเทศชาติ ดังนั้นท้องถิ่นทั่วประเทศจึงต้องมา ร่วมกันคิดร่วมกันทำในการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ ให้เติบโตเป็นต้นกล้าที่แข็งแรงในอนาคต

Shares:
QR Code :
QR Code