ทำแผนคุมยาสูบ สกัดสิงห์อมควันในกทม.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
กรุงเทพมหานคร จัดทําแผนปฏิบัติการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พร้อมมอบนโยบาย เพื่อมุ่งป้องกันนักสูบหน้าใหม่ และขยายพื้นที่เขตปลอดบุหรี่ พร้อมผลักดันใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะอย่างจริงจัง
นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การบริโภคยาสูบเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งผู้สูบและคนรอบข้าง บางรายเกิดโรคทําให้ทุกข์ทรมานอีกทั้งเกิดผลเสียทั้งเศรษฐกิจครัวเรือน และเศรษฐกิจของประเทศ จากรายงานสถิติผู้สูบบุหรี่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีประมาณ 1 ล้านคนสัดส่วนผู้สูบบุหรี่สองปีที่ผ่านมาลดลงจาก ร้อยละ 17 เป็นร้อยละ 15 มีทั้งนักสูบหน้าใหม่นักสูบที่จะทำให้ลด ละ เลิก และกลุ่มผู้สูงอายุปัจจุบันมีการกำหนดพื้นที่สูบบุหรี่ในสถานที่ราชการ และที่สาธารณะซึ่งต้องรณรงค์ต่อไปขยายพื้นที่ให้เป็น “เขตปลอดบุหรี่” มากขึ้นและป้องกันไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนเพราะถือเป็นทรัพยากรสำคัญของชาติ กรุงเทพมหานครจึงร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจัดทําแผนฯ ป้องกันแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยกันลดผลกระทบต่างๆ จากการบริโภคยาสูบ พร้อมทั้งผลักดันใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะให้กว้างขวางมากขึ้น รวมถึงกำหนดแนวทางเริ่มเก็บภาษียาสูบด้วย ซึ่งหน่วยงานภาคีเครือข่ายจะร่วมหารือเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติฯ ให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และทำงานได้อย่างรวดเร็วเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ด้าน น.ส.กุลจิรา สาสุขวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าวว่า สำนักอนามัยเป็นหน่วยงานหลักประสานภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ร่วมจัดทำแผนปฏิบัติการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบกรุงเทพมหานครปี 2562-2564 เพื่อเป็นกรอบแนวทางดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2559-2562 เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนจากพิษภัย อันตรายของยาสูบ
ซึ่งจากรายงานขององค์การอนามัยโลกพบว่ามีผู้เสียชีวิต จากการบริโภคยาสูบหรือได้รับควันบุหรี่ มากถึง 6 ล้านคน/ปี และคาดการณ์หากไม่เกิดความร่วมมือจากประเทศต่างๆ เพื่อป้องกันควบคุม ในปี 2573 จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านคน และ จากข้อมูลสถานการณ์การบริโภคยาสูบในประเทศไทยปี 2560 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ 10.7 ล้านคน กลุ่มอายุที่มีการสูบบุหรี่สูงสุดคือ 25-44 ปี อายุเฉลี่ยที่เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกคือ 18 ปีขึ้นไป สำหรับการได้รับควันบุหรี่มือสองในที่สาธารณะ พบว่า ตลาดสด ตลาดนัด ร้านอาหาร ภัตตาคาร สถานที่จำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม เป็นสถานที่ที่พบเห็นการสูบบุหรี่ ได้กลิ่นและพบเห็นก้นบุหรี่มากสุด คิดเป็นร้อยละ 61.8