ทานผัก 7 สี เคล็ดไม่ลับฉบับ “ครูเล็ก ภัทราวดี”

สุขภาพดี เริ่มต้นง่ายๆ ที่ตัวเราเอง

 ทานผัก 7 สี เคล็ดไม่ลับฉบับ “ครูเล็ก ภัทราวดี”

            ยังเป็นคุณครูคนเก่งอยู่เสมอ สำหรับครูเล็ก ภัทราวดี มีชูธน ครูสอนการแสดงให้กับโรงละครภัทราวดีเธียเตอร์ บุคคลสำคัญที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

  

            ไม่ว่าจะเจอกี่ครั้ง กี่ครั้ง ครูเล็ก ภัทราวดี ก็ยังคงสุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณผ่องใส เต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ วันนี้ ms. healthy จึงอดไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปฉกเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพของครูเล็กมาฝากกันคะ 

 

            การดูแลใส่ใจสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ เพราะด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องรักษาสุขภาพ และใส่ใจเป็นพิเศษในการเลือกอาหารที่เป็นประโยชน์ ให้คุณค่าและสร้างพลังงาน แก่ร่างกาย” นี่คือประโยคแรกทันทีที่เริ่มการสนทนากับครูเล็ก นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า

 

            เธอมักจะเลือกรับประทานผักเป็นส่วนใหญ่ โดยจะเน้นการรับประทานผักเจ็ดสี เพราะผักผลไม้แต่ละชนิดนอกจากจะให้คุณประโยชน์แตกต่างกันแล้ว ยังมีสีสันที่น่ารับประทานต่างกันออกไปอีกด้วย  สีสันของผักผลไม้นั้นนอกจากจะเป็นส่วนประกอบช่วยเพิ่มความเชิญชวนในการรับประทานแล้ว สีสันที่มีอยู่ในผักผลไม้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ซึมผ่านเข้าไปในแต่ละอวัยวะภายในร่างกายเพื่อช่วยบำรุงส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วย

 

             “ส่วนตัวแล้วชอบรับประทานสลัดผัก เพราะในผักมีสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิตามิน เกลือแร่ ต่างๆ และพยายามลดการรับประทานผลไม้ที่มีรสหวาน เพราะการทานผลไม้หรืออาหารที่มีรสหวานมากๆจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้อ้วนและเป็นโรคเบาหวานได้ง่ายจึงพยายามหลีกเลี่ยง แต่ถ้าเห็นแล้วอยากรับประทานก็จะกินไม่เกินหนึ่งคำ โดยจะชิมให้ลิ้นได้ลิ้มรสชาติของอาหาร เพียงแค่คำเดียวก็พอ”ครูเล็ก อธิบาย

 

            หลายคนคงอยากรู้นะคะว่าผักเจ็ดสีที่ครูเล็กพูดถึง มันดีต่อสุขภาพยังไง เคล็ดลับดีดีอย่างนี้ ms. healthy จะพลาดได้ยังไงล่ะคะ เริ่มกันที่ผักสีแดง ผักผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีสันร้อนแรงสีนี้ ได้แก่ มะเขือเทศ ส้มโอสีชมพู แตงโม ซึ่งมีประโยชน์ช่วยบำรุงปอด โรคมะเร็งที่หัวใจและปอด ผักผลไม้สีแดงช่วยป้องกันได้

 

            ผักผลไม้ที่ให้สีแดง-ม่วง ได้แก่ องุ่น ลูกพรุน แครนเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ แอปเปิ้ลแดง สำหรับคนที่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนฉลาดควรต้องรับประทานผัก- ผลไม้ในกลุ่มนี้ เพราะผลไม้สีแดง-ม่วง จะเข้าไปช่วยบำรุงการทำงานของเซลล์สมอง ใครอยากเป็นอัจฉริยะก็ต้องรับประทานผักผลไม้สีนี้กันเยอะๆ คะ

 

            สีส้ม ผักผลไม้ในสีสันที่ยั่วยวนชวนรับประทานนี้ ได้แก่ แครอต มะม่วง แอปริคอต แคนตาลูป

ฟักทอง มันฝรั่งหวาน ผลไม้จำพวกแตง พิเศษสุดสำหรับสาวๆ ที่อยากเป็นสาวสุขภาพดีและมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง นวลเนียนแล้วล่ะก็ ผักผลไม้สีส้มสามารถช่วยได้ แถมยังช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย

 

            ผักผลไม้ในประเภทสีส้ม-เหลือง ได้แก่ ส้ม ส้มเขียวหวาน พีช มะละกอ เนคทารีน ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงหัวใจ และกระเพาะอาหาร และสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายหรือท้องผูก สีส้ม-เหลืองก็พอช่วยได้ และในสีส้ม-เหลืองนี้ยังมีวิตามินซีจำนวนมาก ผักผลไม้สีส้ม-เหลืองยังบำรุงระบบเซลล์ในร่างกาย และมีความสารถในการฆ่าเซลล์มะเร็งในร่างกายของมนุษย์และสัตว์ได้อีกด้วย

 

            สีเหลือง-เขียว ผักผลไม้ประเภทนี้ ได้แก่ ผักขม อโวคาโด แตงโมฮันนีดิว กะหล่ำเขียว ผักกาดเทอร์นิพ ข้าวโพดเหลือง ถั่วลันเตา ผักผลไม้สีนี้มีประโยชน์ช่วยบำรุงตับของเราให้แข็งแรง และยังกระตุ้นระบบการฟอกของเสียต่างๆ ในร่างกายอีกด้วย

 

            ผักผลไม้ประเภทสีเขียวได้แก่ บร็อกโคลี่ หัวกะหล่ำปลี กะหล่ำปลี กะหล่ำปลีจีน ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า ผักบุ้ง แน่นอนว่าที่เราเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดกันเสมอๆ ว่ากินผักบุ้งจะทำให้ตาหวาน เพราะว่าพืชผักผลไม้สีเขียวนี้จะมีวิตามินเอเยอะ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการบำรุงสายตาของเราให้มีสุขภาพดีค่ะ

 

            และผักที่มีสีขาว-เขียว ผักผลไม้ในประเภทสุดท้ายนี้ ได้แก่ กระเทียม ใบกระเทียม หัวหอม ขึ้นฉ่าย ลูกแพร์ ใบเอนไดฟ์ ประโยชน์ของผักผลไม้สีนี้ก็คือ ช่วยในการทำงานของระบบหมุนเวียนต่างๆ ภายในร่างกาย โดยเฉพาะหัวใจ ใครไม่อยากเป็นโรคหัวใจก็ต้องบริโภคผักผลไม้สีขาว-เขียวกันเยอะๆคะ

 

            แหม! ประโยชน์มากมายขนาดนี้จะรอช้าอยู่ใย ใครอยากมีสุขภาพดีปราศจากโรคเหมือนครูเล็กก็ต้องรีบไปหาซื้อผักเจ็ดสีมารับประทานกันแล้วล่ะคะ

 

            นอกจากรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แล้วการพักผ่อนก็สำคัญไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าครูเล็กจะมีงานที่ต้องทำมากมายในแต่ละวัน แต่ก็ไม่ลืมที่จะแบ่งเวลาให้ร่างกาย ได้รับการผักผ่อนด้วยการนอนหลับอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง การผักผ่อนที่เพียงพอก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยรักษาสุขภาพให้แข็งแรง มีสมาธิในการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาตนและพัฒนาผลงานให้ออกมามีประสิทธิภาพ

 

            เคล็ดลับการเสริมสร้างความกระปรี้กระเปร่าของครูเล็กยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะนอกจากการรับประทานอาหารที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้วในเรื่องของการออกกำลังกาย ถึงแม้ว่าเวลาจะไม่เป็นใจ แต่เธอก็ยังได้ออกกำลัง จากการปฏิบัติภารกิจประจำวันที่เธอต้องทำนั่นเอง

 

            “ด้วยสายงานแล้วทำให้ต้องเป็นคนกระฉับกระเฉง กระตือรือร้นอยู่เสมอ เดินเร็วแต่ไม่รีบ รู้จักฝึกฝนให้ตนเป็นคนไม่ขี้เกียจ ตื่นแต่เช้า รู้จักรักษาสุขภาพ เพราะการเป็นครูสอนการแสดงต้องใช้พลังเยอะไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง เดิน การแสดง หรือแม้แต่การฝึกการหายใจ ที่เป็นตัวอย่างกับเด็กๆให้เค้าได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ไปพร้อมๆกันเพราะส่วนใหญ่จะไม่มีเวลาไปออกกำลังกายข้างนอก แต่ด้วยอาชีพที่ต้องขยับเขยื้อนร่างกาย ตลอดเวลาหกชั่วโมงที่สอน ก็คล้ายกับเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย เพราะแค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกาย แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือส่วนหัวเข่า เพราะเริ่มมีอายุมากขึ้นข้อเข่าก็เริ่มเสื่อม เนื่องมาจากตอนเด็กๆ สะสมไขมันไว้เยอะ ชอบกินของทอดของมัน และเนื้อสัตว์ ทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ง่าย” ครูเล็ก กล่าวด้วยแววตาที่อบอุ่น

          

            นี่คือแบบฉบับเคล็ดไม่ลับของครูเล็ก ภัทราวดี ที่ ms. healthy นำมาฝากกันคะ ถ้าใครอยากดูดีอย่างนี้ก็ไม่ยากเพียงแค่คุณหันมาใส่ใจกับสุขภาพ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หาวิธีออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวคุณ และพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าคุณทำได้รับรองว่าคุณจะมีสุขภาพที่ดีปราศจากโรค สามารถปฏิบัติภารกิจประจำวันได้อย่างราบรื่น ลองดูซิคะแล้วจะรู้ว่าสุขภาพดีเริ่มต้นได้ง่ายๆ ที่ตัวคุณ

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : นางสาวกรรณิการ์ เอมแสง team content www.thaihealth.or.th

 

 

update 01-12-51

 

Shares:
QR Code :
QR Code