ทรัพยากร“น้ำ” สิ่งจำเป็นที่ต้องใส่ใจ
น้ำ ถือเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญกับคนเรามาก ไม่ว่าจะใช้อุปโภคหรือบริโภค ด้วยเหตุนี้สมัชชาสหประชาชาติจึงได้มีการกำหนดให้มี “วันน้ำของโลก” หรือ “World Day for Water”ขึ้นซึ่งตรงกับวันที่ 22 มีนาคมของทุกปี เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของน้ำ ที่เป็นสิ่งจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก
จากสถานการณ์ที่ผ่านมา เราพบว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเรื่องของทรัพยาน้ำ ทวีความรุนแรงขึ้น เห็นได้จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา โดย ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ผู้จัดการสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (ธ.พ.ส.ส.) บอกกับเราว่า ปัญหาเรื่องของทรัพยากรน้ำในปัจจุบัน คงเป็นเรื่องของความแปรปวนของสถานการณ์น้ำ ที่มีทั้งช่วงน้ำมากและช่วงน้ำขาดที่สลับกัน ที่นับวันยิ่งคาดการณ์ได้ยากขึ้น ทำให้การจัดการยุ่งยากมากขึ้นด้วย เช่น ในขณะที่เรากำลังจัดการรับมือน้ำมากในเดือนนี้ อีกไม่กี่เดือนก็เจอสถานการณ์น้ำแล้งแล้ว ส่วนปัญหาที่เกิดจากคนนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเรื่องของการแย่งชิงทรัพยากรน้ำ ระหว่างภาคการผลิตด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมหรือเกษตกรรม ที่กำลังเป็นปัญหาอย่างมากในตอนนี้ และตามมาด้วยปัญหามลพิษทางน้ำและอื่นๆ
“แต่ก็นับเป็นเรื่องดีอยู่นิดหนึ่ง จากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านทำให้คนไทยตระหนักและตื่นตัวในเรื่องของภัยธรรมชาติโดยเฉพาะเรื่องของทรัพยากรน้ำมากขึ้น เพราะน้ำท่วมใหญ่ครั้งที่ผ่านมานั้น พื้นที่ที่ไม่เคยถูกน้ำท่วมอย่าง กทม.ก็ถึงกับจมอยู่ใต้บาดาล นั่นจึงทำให้คนสนใจเรื่องของธรรมชาติมากขึ้น แต่ปัญหาในเรื่องของการแย่งชิงน้ำนั้น อาจยังไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจมากนักเพราะมันเกิดขึ้นเฉพาะบางกลุ่มคนเท่านั้น โดยเฉพาะคนในชนบท ปัญหาจึงยังคงเกิดขึ้น” ดร.บัณฑูรบอก
แต่สถานการณ์เรื่องทรัพยากรน้ำก็ไม่ได้มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเลย เมื่อองค์การสหประชาชาติได้ออกมาบอกว่าในอนาคตโลกของเราอาจขาดแคลนน้ำได้ ซึ่งเรื่องนี้ ดร.บัณฑูร บอกกับเราต่อว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เพราะการแย่งชิงน้ำระหว่างภาคการผลิต อีกทั้งจากที่พบเห็นในบางช่วงมีการขาดแคลนน้ำอันเนื่องมาจากภัยแรงนั้นมีความถี่และรุ่นแรงขึ้น ทำให้สถานการณ์ของน้ำก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ทำให้โยงการขาดแคลนน้ำก็รุ่นแรงขึ้นได้ในอนาคต รวมถึงการไม่ตระหนักถึงการตกลงสิทธิการค้าเสรีที่นำไปสู่การแปรรูปน้ำให้เป็นสินค้า ทำให้กลุ่มที่มีกำลังสูงสามารถเข้าถึง ขอบครองน้ำได้มากกว่า เพราะน้ำทำให้ถูกเป็นสินค้า มีราคา คนมีกำลังทรัพย์มากก็ซื้อและเข้าถึงได้มากกว่า นี่จะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้น้ำขาดแคลนด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้หากปล่อยทิ้งไว้ เราอาจไม่มีน้ำบริโภคได้ในอนาคต ซึ่ง ดร.บัณฑูรได้ให้แนวทางแก้ไขไว้ว่า เรื่องนี้อาจต้องการเครื่องมือการแก้ไขที่หลากหลาย เช่น กฏหมาย เศรษฐศาสตร์ และอื่นๆ เพราะเป็นปัญหาที่ซับซ้อน
“กฏหมายก็ต้องเป็นกฏหมายที่เหมาะสมกับประเทศไทย จากเดิมที่มีกฏหมายชลประทานราช ชลประทานหลวง แต่มันเก่าแก่มากไปแล้ว ไม่สอดกับระบบและสภาพแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน กฏหมายที่มีเฉพาะจึงมีความจำเป็นที่แก้ไขเรื่องนี้ได้ ตามมาด้วยคู่มือทางเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวกับการทำให้น้ำสะท้อนต้นทุนการได้มาให้มากขึ้น เพราะเมื่อมันมีราคา อาจต้องใช้เศรษฐศาสตร์มาช่วยจัดการและกติการทางสังคม รวมถึงต้องการองค์กรการใช้น้ำที่เข้มแข้ง คณะกรรมการลุ่มน้ำทั้งหลักและย่อย ที่จะมาเป็นกลไกในการดูแลระดับพื้นที่ ท้องถิ่นและที่สำคัญคือความสำนึกของคน ต้องทำให้ทุกคนคนตระหนัก เข้าใจถึงคุณค่าของน้ำให้มากขึ้นด้วย”ดร.บัณฑูรกล่าว
สุดท้ายนี้ ดร.บัณฑูร บอกไว้ว่า เรามีวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกที่มากมายและอยู่ในระดับที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ปัญหาการสูญเสียทางชีวภาพ น้ำเป็นปัญหาในระดับถัดไป
“วันนี้เรื่องของน้ำอาจยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ แต่ถ้ารอมันวิกฤติแล้วมันแก้ยาก เราต้องช่วยกันลดระดับความรุนแรงของปัญหา ทั้งการแย่งชิงน้ำ คุณภาพของน้ำ ปัญหาน้ำเสีย เพราะถ้าปล่อยไว้มันจะเกิดความขัดแย้งทางเศรฐกิจระหว่างประเทศ และกว่าจะหาข้อยุติได้นั้นใช้เวลามาก ซึ่งตอนนี้มันยังไม่ถึงขั้นนั้น เราทุกคนต้องช่วยกันรักษาดูแลทรัพยากรที่เรียกว่า “น้ำ” ต่อไป”
ปัญหาเรื่องของ “น้ำ” ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของเราทุกคน ที่ต้องช่วยกันดูแล ก่อน “น้ำ” ที่เราถือเป็นสิ่งจำเป็นของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะย้อนกลับมาทำร้ายเราด้วยการขาดแคลนหรือมีจนเหลือล้นจนเป็นภัยต่อไปนั่นเอง
เรื่องโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ Team content www.thaihealth.or.th