ต้านงานเอ็กโปยาสูบ ‘สมรภูมิบุหรี่’
ไทย ‘จุดยุทธศาสตร์‘
งานใหญ่ของประเทศประชาคมอาเซียน ประชุมอาเซียนซัมมิท ครั้งที่ 15 ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทย ผ่านพ้นไปแล้ว แต่อีก 2 สัปดาห์เศษ ๆ ในประเทศไทยจะมีการจัดงานอีกงานหนึ่ง ที่ก็ “ต้องจับตา” ว่าจะยังไง ?
นั่นคืองาน “เอ็กซโปบุหรี่” ที่ก็ถือว่าไม่ใช่งานเล็ก
และที่สำคัญในไทยมีกลุ่มองค์กรที่ต่อต้านงานนี้…
ทั้งนี้ กับงานเอ็กซโปบุหรี่งานนี้ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ระบุว่า… เป็นงานแสดงสินค้ายาสูบแบบครบวงจร เป็นเวทีของธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาสูบ ตั้งแต่การปลูกใบยาสูบ, การเตรียมใบยาสำหรับผลิตยาสูบ, เครื่องจักร ส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตยาสูบ เช่น กระดาษมวนบุหรี่ ก้นกรอง สารเคมี-สารปรุงแต่งที่ผสมในการผลิตยาสูบ, การออกแบบซองบุหรี่, การทำตลาดบุหรี่
งานดังกล่าวนี้เป็นเวทีส่งเสริมและพัฒนาการขายยาสูบที่ใหญ่ที่สุด ที่มีการจัดทุก 4 ปี หมุนเวียนไปตามประเทศต่าง ๆ ทั้งในยุโรป อเมริกาใต้ เอเชีย โดยครั้งก่อนหน้าจัดที่มาเลเซีย ซึ่งก็มีการ ล่ารายชื่อต่อต้าน และล่าสุดจะมาจัดในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 11-13 พ.ย. 2552 โดยมีออแกไนเซอร์จัดงานเป็นบริษัทฝรั่ง และทางโรงงานยาสูบของไทยจะเข้าร่วมงานด้วยในฐานะเจ้าบ้าน แต่งานนี้ ไม่มีการติดต่อผ่านรัฐบาลไทย
“การมาจัดที่ไทย เพราะตลาดเอเชียเป็นตลาดยาสูบที่ใหญ่ที่สุดในโลก เติบโตเร็วที่สุดในโลกด้วย แต่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศแถบเอเชียที่ตลาดไม่โต รวมถึงสิงคโปร์ ฮ่องกง ที่เหลือโตหมดเลย”
…ศ.นพ.ประกิตระบุ พร้อมทั้งบอกต่อไปว่า… เมื่อจะมีการมาจัดงานนี้ในไทย ทางมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และเครือข่าย ก็ได้มีการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวต่อต้าน โดยบุคลากรด้านสาธารณสุข แพทย์ พยาบาล และทางกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้มีการประชุมไปหลายครั้ง ซึ่งตกลงกันในหลักการว่าจะเปิดโปงกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ธุรกิจบุหรี่กำลังทำและกำลังจะนำเสนอในที่ประชุมที่กรุงเทพฯ และกระทรวงสาธารณสุขรับไปดูแลว่าในการจัดงาน ต้องไม่มีการกระทำที่ฝ่าฝืน-ผิดกฎหมายควบคุมยาสูบ เช่น กฎหมายห้ามโฆษณาส่งเสริมการขาย การสื่อสารการตลาดอื่น ๆ รวมทั้งการห้ามโชว์ผลิต ภัณฑ์ กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่จัดนิทรรศการ
รัฐบาลไทยได้ลงสัตยาบันในอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ซึ่งมาตรา 5.3 ห้ามไม่ให้หน่วยงานรัฐ ข้าราชการทุกหน่วยงาน ยุ่งเกี่ยวหรือร่วมจัดกิจกรรมกับธุรกิจยาสูบ ไม่ว่าจะลักษณะใด ในจุดนี้ก็จะได้ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานราชการทั้งหมดได้รับทราบ ว่านี่เป็นพันธกรณีระหว่างประเทศที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งโรงงานยาสูบจะไปร่วมออกบูธก็เป็นเรื่องธุรกิจของโรงงานยาสูบ แต่ผู้ใหญ่ของไทยอย่าไปถูกใช้เพื่อสร้างภาพ
ในส่วนของเอกชน-ประชาชนทั่วไป ศ.นพ.ประกิตระบุว่า… ก็จะมีการสื่อสารให้คนรู้ให้มากที่สุด มีการทำเว็บไซต์ www. counteringtabinfo.org โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และทางศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เรื่องการควบคุมยาสูบของมหาวิทยาลัยมหิดลก็มีเว็บไซต์เช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นการติดตามความเคลื่อนไหวของการจัดงานดังกล่าว เพื่อให้คนไทยได้รับรู้ถึงวัตถุประสงค์ รู้ข้อเท็จจริงของงานนี้ว่าคืองานที่มุ่งหมายอะไร พร้อมนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการตกเป็นเหยื่อของบุหรี่
รวมถึงจะเปิดให้คนไทยลงชื่อในเว็บไซต์ จะมีการล่ารายชื่อ เสนอต่อรัฐบาล เพื่อคัดค้านงานเอ็กซโปบุหรี่ และก็จะมีการจัด “ประชุมเครือข่ายรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ภาคพื้นเอเชีย” คู่ขนานไปด้วย
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ระบุไว้อีกว่า… งานเอ็กซโป-งานประชุมของธุรกิจยาสูบที่จะมาจัดกันในประเทศไทยนั้น เชื่อว่าจะมีประเด็นประชุมที่สำคัญคือ…จะทำธุรกิจบุหรี่-จะทำการตลาดบุหรี่อย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ ภายใต้สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ทำกับประเทศต่าง ๆ และแต่ละประเทศมีกฎหมาย-ข้อห้ามเรื่องบุหรี่อย่างเคร่งครัด ซึ่งประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีความเข้มงวดในเรื่องนี้
ทั้งนี้ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่บอกว่า… เท่าที่ทราบมา มีเอกสารภายในที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานดังกล่าวนี้ ระบุว่า “ถ้าชนะประเทศไทยได้ ก็จะชนะทั้งโลก” ดังนั้น การจัดงานครั้งนี้จึงเปรียบเหมือนการมาใช้ประเทศไทยเพื่อไปทำร้ายคนทั้งโลก ถ้าเครือข่ายรณรงค์ต่อต้านบุหรี่นิ่งเฉย ก็เท่ากับไม่ทำหน้าที่
“สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดบุหรี่ประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างนิ่งมาประมาณ 3 ปีแล้ว แต่คิดว่า ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว…หากไม่มีการรณรงค์เรื่องการไม่สูบบุหรี่ ตอนนี้จะมีประชากรติดบุหรี่กว่า 14-15 ล้านคน และที่น่าเป็นห่วงคือผู้ติดบุหรี่กลุ่มใหม่ คือวัยรุ่นหญิง” …ศ.นพ.ประกิตระบุ อีกทั้ง ยังบอกด้วยว่า… จากการสำรวจวัยรุ่นกับการมีพฤติกรรมเสี่ยง โดย เอแบคโพล เมื่อปี พ.ศ. 2547 จากเยาวชน 100 คน ที่สูบบุหรี่ จะมี 88 คน กินเหล้า, 68 คน เที่ยวกลางคืน, 67 คน เคยมีเพศสัมพันธ์, 17 คน ใช้ยาเสพติด และ 40 คน เล่นการพนัน ซึ่งสะท้อนว่าการสูบบุหรี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาอื่น ๆ เป็นแพ็กใหญ่
และนี่ก็เป็นบางส่วนจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของ 2 ฝ่าย
“ธุรกิจบุหรี่ vs กลุ่มต้านบุหรี่” ที่จะเปิดศึกกันในไทย !!!
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update:02-11-52
อัพเดทเนื้อหาโดย:ณัฏฐ์ ตุ้มภู่