ติดอาวุธ ‘ทักษะชีวิต’ เยาวชนไทย
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
สังคมยุคใหม่อยู่ยากขึ้น จากภัยรอบๆ ตัว การอยู่รอดอย่างมีความสุข จึงต้องมี "ทักษะชีวิต" รอบด้านในการคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา ทว่าเด็กยุคใหม่ที่ถูกพ่อแม่เลี้ยงดู ทะนุถนอม ปกป้อง ยังขาดทักษะการดำเนินชีวิต
ซึ่งหลายคนเกิดความกังวลว่า หากเป็นเช่นนี้ สังคมในอนาคตจะเป็นอย่างไร เพื่อให้เยาวชนไทยมีภูมิคุ้มกันชีวิตที่ดี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ร่วมมือกับ 4 หน่วยงาน คือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ และสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ลงนามบันทึก ข้อตกลงความร่วมมือ "โครงการลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิต" เพื่อพัฒนากิจกรรมลูกเสือเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตให้สอดคล้องและเท่าทันกับสภาพสังคมปัจจุบัน
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. บอกว่า การออกแบบคู่มือการเรียนรู้ทักษะชีวิตผ่านกิจกรรมลูกเสือ เป็นการเรียนรู้แต่ละช่วงวัยภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้สร้างภูมิคุ้มกันจากเรื่องราวใกล้ตัว ซึ่งอาจจะเป็นในรูปแบบการแสดงเหตุการณ์ และบทบาทสมมติ เพื่อให้เด็กๆ รู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ และหาทางแก้ปัญหาล่วงหน้า เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์เหล่านั้น
นอกจากนี้ ยังมี "กิจกรรมแผนที่อบายมุขรอบโรงเรียน" ด้วยการเดินสำรวจและเขียนเป็นแผนที่แหล่งอบายมุขรอบโรงเรียน และ "นาทีชีวิต" ด้วยการช่วยเหลือตัวเองจากอุบัติภัยทางน้ำและวิธีป้องกัน สอนในระดับ ป.5 จะมีการสาธิตการลอยตัวในน้ำ ด้วยวิธีการต่างๆ หาอุปกรณ์เพื่อรู้จักการลอยตัวในน้ำ และการฝึกว่ายน้ำ
การจำลองสถานการณ์กรณีน้ำท่วมบ้านเวลากลางคืน หรือ แผ่นดินไหว เพื่อให้เกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจแก้ปัญหาว่า เรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการคืออะไร ถ้ามีเด็กและคนชราควรทำอย่างไร
การออกแบบการเรียนรู้ทักษะชีวิตผ่านกิจกรรมลูกเสือครอบคลุมปัญหาในเด็กและเยาวชนทุกระดับ เพื่อให้เด็กสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างปัญหาในเด็กเล็ก จะพบปัญหาการบริโภคสื่อ ติดไอที ทานอาหารไม่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกายและความเสี่ยงจาก การถูกล่อลวง
สำหรับในกลุ่มวัยรุ่น จะมีเรื่องความรุนแรง ยาเสพติด เสพสื่อ ที่ไม่เหมาะสม ไม่ออกกำลังกาย เพศ และการบริโภคตาม กระแสนิยม ตัวอย่างการเรียนรู้เช่น "ภัยใกล้ตัววัยหนุ่มสาว" โดยให้เขียนว่า อะไรคือการกระทำที่ถือเป็นการล่วงละเมิดทางเพศทั้ง คำพูด การไม่ถูกเนื้อต้องตัว และถูกเนื้อต้องตัว และแจกกรณีศึกษาเมื่อตกอยู่ในเหตุการณ์เหล่านี้จะทำอย่างไร เพื่อให้ได้พูดคุยกันแล้วมานำเสนอ เป็นต้น
ดร.กาญจนา กาญจนสินิทธ์ นายกสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กล่าวว่า จากการทดลองใช้ในโรงเรียนนำร่อง 26 แห่ง ได้มีการประเมินพบว่า นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมมีทักษะชีวิต เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยสำนักงานลูกเสือแห่งชาติได้ให้การรับรองและออกตราสัญลักษณ์ลูกเสือหน้าคู่มือเพื่อรับรองการสอนในโรงเรียน ซึ่ง คาดว่าความร่วมมือนี้จะสามารถขยายผลไปสู่สถานศึกษาในทุกสังกัด
สำหรับตัวแทนลูกเสือ ด.ญ.นิชา ยิ้มแฉล้ม นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสามัคคีรถไฟ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เล่าว่า จากที่ได้เรียนลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิต ทำให้รู้จักการเอาตัวรอดจากภัยรอบตัวได้มากขึ้นและยังสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การแบ่งเวลา และเคยได้ช่วยเหลือเพื่อนที่เป็นตะคริวจมน้ำ ซึ่งขณะนั้นตนเองมีขวดน้ำอยู่ในมือจึงได้รีบเทน้ำทิ้งเพื่อให้มีอากาศในขวดมากขึ้นและโยนไปให้เพื่อน จนสามารถลอยตัวเหนือน้ำได้ ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ได้จากการเรียนรู้วิชาลูกเสือในโรงเรียน