ตั้ง ‘กองร้อยน้ำหวาน’ ภาคประชาชน ดูแลจราจรลดเจ็บตาย

ที่มา : เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ 


ภาพประกอบจากเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ 


ตั้ง 'กองร้อยน้ำหวาน' ภาคประชาชน ดูแลจราจรลดเจ็บตาย thaihealth


ภูธรภาค 4 จับมือ สสส. ตั้ง 'กองร้อยน้ำหวาน' ภาคประชาชน ดูแลจราจรลดเจ็บตาย


เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 61 ณ โรงแรมโฆษะ จังหวัดขอนแก่น เวลา 9.30 น. นายแพทย์วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( สสส.),นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ประธานคณะทำงานสนับสนุนป้องกันอุบัติเหตุจราจาร (สอ.จร), น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัน ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม และ พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ,พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพรบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ,พ.ต.อ.อานนท์ นามประเสริฐ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่าง สสส. และตำรวจภูธรภาค 4  ใน 'โครงการลดอุบัติเหตุจราจรทางถนนแบบมีส่วนร่วม ตำรวจภูธร ภาค 4 ' โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและนำข้อมูลจากการสอบสวนแบบสหวิชาชีพมาวิเคราะห์ เพื่อนำผลไปกำหนดเป็นแนวทางในการป้องกัน แก้ไขปัญหา และลดอุบัติเหตุทางถนนซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตของคนไทย


พล.ต.ท.สุรชัย กล่าวว่า อุบัติเหตุจราจรในประเทศไทยถือว่าสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก ตำรวจภูธรภาค 4 จึงมีแนวคิดที่จะทำโครงการความร่วมมือกับ สสส. ในการจัดตั้งศูนย์คอนเฟอเรนซ์ที่สามารถประสานงานและประชุมร่วมกับพื้นที่เกิดเหตุได้ในทันที ซึ่งจะเป็นการสอบถามอย่างลงรายละเอียดถึงสาเหตุ เช่น หากต้นเหตุจากจากปัญหาทางกายภาพ ถนนชำรุด มีจุดเสี่ยง จุดบอด ที่ทำให้เกิดเหตุบ่อยครั้งก็นำจะเสนอปัญหาต่อผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดำเนินการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งอาสาจราจรหญิงหรือกองร้อยน้ำหวานเพื่อช่วยเหลืองานของตำรวจด้วย โครงการดังกล่าวนำร่องใน 6 จังหวัด จาก 12 จังหวัดในการดูแลของตำรวจภูธรภาค 4 หรืออีสานตอนบน ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มุกดาหาร หนองคาย และเลย


ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า จากสถิติ 7 วัน ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาเฉพาะเหตุที่เกิดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 มีมากกว่า 700 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตกว่า 80 คน แม้ว่าลดลงจากปีก่อนที่มีจำนวน 110 คน แต่ยังถือว่ามาก เป็นความสูญเสียที่พยายามป้องกันแต่ก็กันไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงมีสถิติการเสียชีวิตประมาณนี้ทุกปี โดยช่วงอายุผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุดคือ กลุ่มคนอายุ 50 ปีขึ้นไป เหตุเกิดมากช่วงเย็นไปถึงสามทุ่ม สาเหตุโดยรวมอันดับแรกคือเมาแล้วขับ รองมาคือขับรถเร็ว ยานพาหนะที่เกิดเหตุมากคือ จักรยานยนต์ 495 หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุทั่งหมดเหตุเกิดในถนนของหมู่บ้านหรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มากกว่าทางหลวงแผ่นดินและเกิดเหตุในทางตรง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็คือสิ่งที่ต้องมาวิเคราะห์กัน


พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจรทางถนนในชุมชนไม่สามารถทำได้ด้วยเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายเดียวเท่านั้น ตำรวจภูธรภาค 4 จึงมีแนวคิดในการแก้ไขปัญหาด้วยการให้ชุมชนจัดการจราจรโดยชุมชนเอง ซึ่งจะมีการฝึกอบรมแกนนำหญิงในชุมชนให้เป็นอาสาจราจรหญิง หรือ กองร้อยน้ำหวาน จำนวน 6 กองร้อย นำร่องจังหวัดละ 1 กองร้อย รวมทั้งสิ้น 600 คน ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานจราจร กองร้อยน้ำหวานจะเข้าไปช่วยกวดขันพฤติกรรมการขับขี่ ซึ่งชุมชนเองจะต้องมีการวางกฎเกณฑ์กติกาในด้านจราจรร่วมกัน มีชุดเคลื่อนที่เร็วในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ มีสายตรวจวินัยจราจร ต้องสนับสนุนให้ท้องถิ่นสร้างคนในชุมชนขึ้นมาร่วมแก้ปัญหา


ด้าน นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันการตายบนท้องถนนมีมากกว่า 400 ราย ต่อสัปดาห์ หรือเท่ากับเครื่องบินจัมโบ้เจ็ตตกสัปดาห์ละลำ เฉลี่ยแล้วต่อปีเท่ากับเครื่องบินจัมโบ้เจ็ทตกมากถึง 50 ลำ จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในการทำงานเชิงสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุอย่างจริงจังเพื่อนำไปสู่การหาวิธีการป้องกัน ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 4 มีความสนใจในปัญหาอุบัติเหตุทางท้องถนนอย่างมาก นอกจากนี้ การตั้งกองร้อยน้ำหวานเพื่อนำชุมชนมามีส่วนร่วมถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องเผชิญหน้ากับชุมชนอย่างในอดีตเช่น การตั้งด่านที่อาจถูกมองว่ามาหาผลประโยชน์ การให้ชุมชนพูดคุยกันเองจะง่ายขึ้นและชุมชนก็เป็นผู้รู้ปัญหาของตนเอง โครงการนำร่องครั้งนี้หากผลเป็นไปได้ดี สามารถทำให้อุบัติเหตุน้อยลงก็จะหาทางสนับสนุนให้เกิดขึ้นทั่วประเทศต่อไป


นพ.วิทยา กล่าวว่า การตายบนถนนเมื่อเทียบกับการตายจากเหตุฆาตกรรมพบว่าสูงกว่าถึง 8 เท่า ขณะที่วัยที่สูญเสียมากอันดับหนึ่งคือวัยทำงาน ความสูญเสียเหล่านี้จึงถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของประเทศชาติ


"การบังคับใช้กฎหมายไปถึงชุมชนหรือการตั้งกองร้อยน้ำหวานถือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ที่ถูกจุด ที่ผ่านมาแค่การรณรงค์สรุปไปได้เลยว่าไม่ได้ผล แต่การดึงชุมชนมีส่วนร่วมคือยุทธศาสตร์ใหม่ หากเน้นไปที่อุบัติเหตุจากมอเตอร์ไซค์ใส่หมวก ลดเร็ว เมาไม่ขับ ถ้าทำได้สำเร็จจะลดอุบัติเหตุลงได้อีกถึงร้อยละ 50" นพ.วิทยา กล่าว

Shares:
QR Code :
QR Code