ตัวบ่งชี้เกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทย
“เด็กฉลาด ชาติเจริญ” คำพูดนี้เป็นสิ่งสะท้อนสภาพสังคม รวมถึงการพัฒนาประเทศได้ดีเป็นอย่างยิ่ง ประชากรในประเทศได้รับการศึกษาที่ดี มีคุณภาพย่อมส่งผลให้ประเทศมีบุคลากรที่มีศักยภาพ มีความสามารถที่จะแข่งขันกับนานาประเทศได้ ซึ่งประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการศึกษามาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการเป็นยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตั้งแต่ฉบับที่ 1 จนถึงฉบับที่ 11 ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2555 – 2558) และยุทธศาสตร์หนึ่งที่สำคัญของแผนพัฒนาฉบับในปัจจุบัน ก็คือ “การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน” ที่มีเป้าหมายให้จำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 12 ปี
สำนักงานสถิติแห่งชาติได้ประมาณจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยของคนไทย พบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 7.2 ปี ในปี 2545 เป็น 8.0 ปี ในปี 2553 และเพิ่มขึ้นทั้งชายและหญิง โดยชายมีจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยสูงกว่าหญิงเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญนอกเหนือจากจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยแล้ว หากมองลงไปถึง “คุณภาพการศึกษา” จากผลการทดสอบวิชาสามัญ 7 วิชาของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เมื่อวันที่ 7 – 8 มกราคม 2555 เพื่อให้มหาวิทยาลัยนำคะแนนไปใช้ประกอบการรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในระบบรับตรง มีคะแนนตามรายวิชา ดังนี้
จากผลคะแนนดังกล่าว จะเห็นได้ว่า มีเพียงวิชาภาษาไทยเท่านั้นที่เด็กไทยมีคะแนนเฉลี่ยเกินกว่าครึ่งของคะแนนเต็ม (54.61 คะแนน) ขณะที่วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่มีคะแนนเฉลี่ยต่ำสุด คือ 19.92 คะแนน รองลงมาคือ วิชาฟิสิกส์ (23.54 คะแนน) และวิชาเคมี (25.75 คะแนน) ตามลำดับ จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นสะท้อนคุณภาพการศึกษาของเด็กไทยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หากพิจารณาคะแนนต่ำสุดและคะแนนสูงสุดเป็นรายวิชาจะพบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมาก ในขณะที่ปี 2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่คุณภาพการศึกษาของเด็กไทยโดยเฉพาะในวิชาหลัก ยังเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายมีความห่วงใยอย่างมากโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ที่ควรจะต้องหันกลับมาทบทวนหลักสูตร วิธีการสอน รวมถึงคุณภาพของครูผู้สอนด้วย เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้อย่างมีศักยภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีตัวบ่งชี้อื่นๆ เกี่ยวกับการศึกษาของคนไทยอีกหลายเรื่อง เช่น อัตราการเรียนต่อ หรืออัตราการสำเร็จการศึกษาในระดับต่างๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญสำหรับการประเมินสถานการณ์ หรือตอบโจทย์ในการพัฒนานั้น ความถูกต้องหรือน่าเชื่อถือของข้อมูลเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ตัวอย่างในกรณีจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยของคนไทยที่พบว่ามีข้อมูลเรื่องเดียวกันนี้จากหลายแหล่งที่มีตัวเลขต่างกัน แม้ว่าจะประมาณค่ามาจากฐานข้อมูลการสำรวจชุดเดียวกัน ทั้งนี้ทำให้ผู้ใช้ข้อมูลเกิดความสับสน และไม่มั่นใจในการนำไปใช้
ในโอกาสที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ กำลังดำเนินการนำแผนแม่บทระบบสถิติประเทศไทย พ.ศ. 2554 – 2558 ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผล โดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาคุณภาพข้อมูลให้ได้มาตรฐาน ลดความซ้ำซ้อน และลดภาระงาน จึงถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะทำให้ข้อมูลในเรื่องเดียวกันมีความเป็นเอกภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ “ประเทศไทยมีระบบสถิติที่ทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดสถิติทางการที่ใช้ในการพัฒนาประเทศ” ต่อไป
ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ