ชูพัฒนาศักยภาพเด็กเข้มแข็งจากภายใน ด้วยบันได 3 ขั้น I am I have I can
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว จับมือ สสส. จัดประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 2 รวมตัวผู้ทำงานด้านเด็กทั่วประเทศ ชูพัฒนาศักยภาพเด็กเข้มแข็งจากภายใน ไขรหัสสู่การเป็นสุดยอดเด็กด้วยบันได 3 ขั้น I am I have I can
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่โรงแรมเดอะสุโกศล นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะจัดการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 2 เรื่อง “การพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนไทย สู่ประชาคมอาเซียน” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 21 – 22 มี.ค. 2556 ที่ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
โดยเป็นการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ของปราชญ์ นักวิชาการและภาคีเครือข่ายด้านเด็กและเยาวชนในสังคมไทยทั่วประเทศ ทั้งในแง่สมอง, จิตวิทยา, พฤติกรรมศาสตร์, พหุวัฒนธรรม, การศึกษา และสื่อเทคโนโลยี รวมทั้งจัดตลาดการเรียนรู้ วิจัย วิชาการ ด้านเด็กและเยาวชน รวมทั้งนำเสนอกรณีศึกษาตัวอย่างที่ดีระดับประเทศ เพื่อร่วมกันไขรหัสสู่การเป็นสุดยอดเด็กด้วยบันได 3 ขึ้น I am I have I can
“การเป็นสุดยอดเด็ก (super kids) ไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้โดยที่ปราศจากการเผชิญกับปัญหา อุปสรรค และความเครียดที่เหมาะสมโดยผู้ใหญ่มีส่วนสำคัญที่จะช่วยต่อยอดความคิด สติปัญญาอย่างมีกระบวนการเพื่อให้เกิดการจัดการปัญหา ความเครียด อุปสรรคได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะเกิดเป็นพลังความเข้มแข็งในตัวตนของเด็กเอง และเป็นขั้นตอนของการเกิดสุดยอดเด็กแบบ I am I have I can” นพ.สุริยเดว กล่าว
นพ.สุริยเดว กล่าวว่า กลไกสำคัญที่จะทำให้เกิดการพัฒนาเด็กมี 3 รูปแบบ คือ 1.การทำกิจกรรมถือเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กมีประสบการณ์และพบอุปสรรคต่างๆ ด้วยตนเอง นำไปสู่การตีโจทย์และหาทางจัดการปัญหา โดยวิธีนี้ถือเป็นสิ่งที่จะสร้างต้นทุนชีวิตเด็กได้สูงมาก 2.การเผชิญอุปสรรค จากกิจกรรมแบบง่ายๆ ไปสู่กิจกรรมยากและมีความซับซ้อนมากขึ้น จะทำให้เด็กได้ฝึกทักษะการจัดการเช่นกัน และสามารถใช้ได้ดีในเด็กกลุ่มทั่วๆ ไป และ 3.การสร้างเสริมซ่อมแซมต้นทุนชีวิต ซึ่งจะใช้กับเด็กกลุ่มที่มีต้นทุนไม่มากนัก โดยเริ่มจากค่อยใส่ปัญหา และฝึกหัดให้แก้ปัญหา เริ่มจากปัญหาง่ายๆ ค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ
ผศ.ดร.วิมลทิพย์ มุสิกพันธุ์ รองผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวว่าศักยภาพภายในตัวเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมเป็นอันดับแรก คือพลังตัวตนที่เข้มแข็ง หรือ I am ถือเป็นพื้นฐานที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นรักการเรียนรู้ ทำสิ่งต่างๆ อย่างมีเป้าหมายและแรงบันดาลใจเพื่อพัฒนาตนเอง และเป็นประโยชน์ต่อชุมชนหรือสังคม แต่หากเด็กและเยาวชนมีพลังตัวตนที่อ่อนแอ จะไม่สามารถจัดการชีวิตตนเองได้และส่งผลต่อปัญหาสังคมในด้านอื่นๆ รวมถึงเป็นเหตุของปัญหาอื่นๆ ด้วย เช่น เบื่อหน่ายการศึกษา เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ปัญหาการติดเชื้อเอดส์ หรือยาเสพติด เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เกิดจากการไม่มีพลังที่เข้มแข็งจากภายใน จึงดำเนินชีวิตโดยขาดเป้าหมายที่ชัดเจนให้ความสำคัญแต่ I have หรือวัตถุนิยมภายนอก ซึ่งไม่ใช่ I have และ I can ที่ออกมาจากภายใน และเป็นศักยภาพที่แท้จริง
ผู้ที่สนใจร่วมงานประชุมวิชาการระดับชาติครั้งที่ 2 ในหัวข้อเรื่อง “การพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนไทย สู่ประชาคมอาเซียน” ในวันที่ 21 – 22 มี.ค. นี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nicfd.mahidol.ac.th และโทร 0-2441-0602-8 ต่อ 1414 และ 1406
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข