ชี้ยิ่งอ้วนยิ่งมีส่วนทำให้โลกร้อน
ผู้เชี่ยวชาญเมืองผู้ดี ระบุ มีผลขึ้นมากกว่าคนปกติ 18%
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าผู้เชี่ยวชาญในประเทศอังกฤษได้ออกมาชี้ให้เห็นถึงผลเสียของโรคอ้วนในอีกแง่มุมหนึ่งกล่าวคือในด้านที่ระบุว่าคนที่เป็นโรคอ้วนมีส่วนทำให้ปัญหาเรื่องโลกร้อนซึ่งเป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจอยู่ในปัจจุบันนี้ทวีความรุนแรงขึ้นมากกว่าคนทั่วไป
โดยผู้เชี่ยวชาญจากโรงเรียนการสาธารณสุขและเวชศาสตร์เขตร้อนลอนดอน (london school of hygiene and tropical medicine) กล่าวว่าคนที่เป็นโรคอ้วนนั้นโดยเฉลี่ยแล้วจะต้องรับประทานอาหารมากกว่าคนทั่วไปประมาณ 18%
นอกจากนี้แล้วยังพบด้วยว่าคนพวกนี้จะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณที่สูงกว่าปกติด้วย กล่าวคือการรับประทานอาหารที่มากกว่าคนอื่นๆ ทำให้ความต้องการในการซื้ออาหารเพิ่มขึ้น จึงทำให้ต้องใช้พลังงานในการขนส่งอาหารมากขึ้นอันจะนำไปสู่ราคาอาหารที่เพิ่มมากขึ้นและราคาค่าน้ำมันที่สูงขึ้นอีกด้วย
ส่วนผลกระทบที่ตามมาคือคนที่ยากจนต้องดิ้นรนในการหาเงินเพื่อนำมาแลกกับอาหารที่มีราคาสูงขึ้นหนักเข้าไปกว่าเดิมอีก และอีกทั้งยังก่อให้เกิดการปล่อยแก๊สที่ไปทำลายชั้นบรรยากาศในปริมาณที่มากขึ้นด้วย
คำเตือนของผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษได้รับการตีพิมพ์ในวารสารชื่อดัง the lancet และที่สำคัญเป็นคำเตือนที่ออกมาในช่วงเดียวกันกับการคาดการขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่าประชากรที่เป็นโรคอ้วนในโลกของเรานี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัวภายในปีค.ศ.2015 ซึ่งจะมีคนเป็นโรคอ้วนทั่วโลกจำนวนประมาณ 700 ล้านคนทีเดียว
ส่วนสถิติในประเทศอังกฤษนั้นพบว่าประชากรผู้ใหญ่จำนวน 1 ใน 4 ของทั้งหมดถูกจัดว่าเป็นผู้ที่มีปัญหาเป็นโรคอ้วน ทั้งนี้เป็นสถิติที่เพิ่มเข้า 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับสถิติในช่วงปีค.ศ. 1980 กว่า ๆ
ทีมนักวิจัยจากโรงเรียนการสาธารณสุขและเวชศาสตร์เขตร้อนลอนดอนอธิบายเพิ่มเติมว่าคนที่เป็นโรคอ้วนจะต้องการพลังงานจากอาหารวันละ 1,680 แคลอรี่เพื่อให้ตัวเองสามารถมีพลังงานพออยู่ได้ในหนึ่งวัน และยังต้องการพลังงานอีก 1,280 แคลอรี่เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมระหว่างวัน ซึ่งจำนวนนี้คิดเป็นปริมาณที่มากกว่าพลังงานที่คนน้ำหนักตัวปกติต้องการประมาณ 1 ใน 4
ความต้องการในการบริโภคอาหารที่เพิ่มขึ้นนี้เองก่อให้เกิดผลกระตุ้นให้โลกร้อนขึ้นถึง 2 ต่อ ต่อที่ 1 คือทำให้ความต้องการอาหารในโลกสูงขึ้นจึงทำให้ราคาอาหารขยับสูงตามขึ้นไป และอีกต่อหนึ่งคือการที่ต้องผลิตอาหารมากขึ้นจึงทำให้มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นซึ่งก็ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นไปด้วย เท่านั้นยังไม่พอเพราะราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้ก็จะไปมีผลต่อราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
อย่างไรก็ดีคุณ
ที่มา : สำนักข่าว ต่างประเทศสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
update 20-05-51