ชวน ‘ลูก’ เข้าครัว ลดอาการแขยงผัก
ที่มา : เว็บไซต์ MGR Online
ภาพประกอบจากเว็บไซต์ MGR Online
กลับมาอีกครั้งกับงานเทศกาล "กินเปลี่ยนโลก" ครั้งที่ 3 งานเทศกาลอาหารที่จะมาชวนทุกคนมาตั้งคำถามถึงที่มาของอาหาร การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หันมากินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เน้นอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ และเปิดพื้นที่สนับสนุนผู้ผลิตเกษตรกรที่ตั้งใจผลิตอาหารที่มีความปลอดภัย ซึ่งปีนี้มีคอนเซ็ปต์ว่า "ขบวนการเชฟน้อย"
น.ส.กิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา รองผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี โครงการกินเปลี่ยนโลก กล่าวว่า การจัดงานในปีนี้จะเน้นสื่อสารกับเด็กๆ ให้หันมาสนใจเรื่องอาหารการกิน ซึ่งการจะให้เด็กกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ต่างๆ ปกติพ่อแม่จะมี 2 แนวทางปฏิบัติกับลูก คือ ตื้อหรือบังคับให้ลูกกิน ซึ่งลูกก็จะไม่ชอบ และอีกกลุ่มคือเมื่อลูกไม่ยอมกินผักก็ปล่อยไม่บังคับ ก็จะทำให้เด็กไม่ได้บริโภคพืชผักที่ดีมีประโยชน์ ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายของเด็กเอง
“การจะชักชวนให้ลูกกินนั้นมีวิธีจูงใจอย่างอื่นอีก หาสูตรทดลอง คิดค้นอะไรแปลกๆ ให้เขา เพราะจริงๆ แล้วเด็กชอบลอง ก็ต้องส่งเสริมการลองที่สัมพันธ์กับอาหาร ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ การชวนลูกให้เข้าครัว หรือชวนลูกมาเป็นเชฟน้อยนั่นเอง อย่างที่เคยจัดกิจรรมเวิร์กชอปมา เช่น ชวนเด็กตำน้ำพริก ใช้ถั่ว ใช้พริก มะนาว กระเทียม เหมือนกัน เด็กๆ จะตำเองโดยใส่พริกตามที่อยากกิน หรือไม่ใส่เลยหากกลัวเผ็ด แล้วบอกว่าใครจะกินน้ำพริก ช่วยเอาผักไปห่อด้วย ให้หยอดน้ำพริกลงในผัก แล้วให้เติมผักลงไปอีกนิดหน่อยให้หอมๆ แล้วให้เด็กกิน ปรากฏว่าเด็กหลายคนแปลกใจ เขาตำเองแล้วเขาอยากกิน ลงมือทำเองก็อยากชิมของเขาเอง เขาแปลกใจว่าผักใบเขียวๆ นั้นอร่อย เราก็เอาผักสดใหม่ ที่ปลูกจากระบบดินที่ดี มีความกรอบหวาน เขาพบว่าการกินผักใบเขียว หน้าตาน่ากลัวไม่ใช่เรื่องยาก ก็จะทำให้เขากล้าลองที่จะกินมากขึ้น ดังนั้น การชวนลูกเข้าครัวจึงจะนำไปสู่ความสนใจให้ลูกตั้งคำถาม และทำให้เขามีความคุ้นเคย” น.ส.กิ่งกร กล่าว
น.ส.กิ่งกร ย้ำว่า วิธีการนี้อาจใช้ไม่ได้ผลกับเด็กทุกคน ดังนั้น พ่อแม่ก็ต้องหาวิธีชักชวน หรือวิธีการให้เด็กได้ทดลอง อย่างโครงการเด็กไทยแก้มใส ที่ให้นักเรียนเรียนรู้การเป็นเกษตรกร การปลูกผัก เด็กเขาก็มีความสนใจ และมีความตื่นเต้น บางคนถึงกับนั่งเฝ้าเลย ไปดูทุกวันว่าโตขึ้นหรือยัง บางทียังไม่ทันจะโตดีก็เด็ดกินก่อนแล้ว เหล่านี้ถือเป็นกลวิธีที่กระตุ้นความสนใจให้เขาอยากรู้อยากลอง และนำมาซึ่งการกินผัก กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
สำหรับกิจกรรมในงานเทศกาลกินเปลี่ยนโลกครั้งที่ 3 จะเน้นกิจกรรมที่สื่อสารกับเด็กเป็นหลัก เช่น ชวนเด็กมาทำกับข้าว ชวนกินผัก ทำกิจกรรมเล่านิทาน วาดภาพศิลปะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพืชผักผลไม้อาหารต่างๆ รวมทั้งมีการเล่นขายของ เพื่อสนับสนุนให้เด็กคุ้นเคยกับเครื่องครัว ซึ่ง น.ส.กิ่งกร ระบุว่า กิจกรรมเหล่านี้จะทำให้เด็กสนใจการกิน การครัว นำไปสู่การกระตุ้นความสนใจและตั้งคำถามถึงอาหารที่กินๆ กันเรากินอาหารอะไรอยู่ ดีต่อร่างกายหรือไม่ ดีต่อโภชนาการหรือไม่ เพราะอาหารบางอย่างอาจจะอร่อยแต่โภชนาการไม่ดี แต่เราจะเสนอว่ามีอาหารชนิดอื่นๆ อีกที่อร่อยเหมือนกัน มีคุณค่า มีโภชนาการที่ดีเหมือนกัน ดีต่อร่างกายกว่า ไม่เป็นพิษเป็นภัย จึงเป็นที่มาของการจัดงานในครั้งนี้ที่ใช้ชื่อว่า “ขบวนการเชฟน้อย” เป็นการชวนเด็กๆ มาสนใจเรื่องอาหารและหาทางเลือกในการกินที่ดีกว่าเดิม
“ส่วนครอบครัวไหนที่ไม่มีเวลาในการเข้าครัวเอง ก็ต้องรู้จักเลือก ถ้าจะซื้อกินก็ต้องเลือกซื้อที่เข้าท่ามีประโยชน์ เป็นพิษเป็นภัยน้อย ซึ่งงานนี้จะชวนทั้งครอบครัวมาเรียนรู้ ทั้งคุณพ่อคุณแม่คุณลูกต้องมาช่วยกันพัฒนาปรับปรุงอาหารที่กินในแต่ละวันมีคุณภาพมีความปลอดภัย” น.ส.กิ่งกร กล่าว
งานเทศกาลกินเปลี่ยนโลกครั้งที่ 3 “ขบวนการเชฟน้อย” จัดขึ้นที่สวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 10-12 ก.พ. 2560 จัดโดยโครงการกินเปลี่ยนโลก มูลนิธิชีววิถี และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายในงานจะมีกิจกรรมหลากหลายที่มาช่วยกระตุ้นให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูก สนใจในเรื่องของอาหารการกินที่มีประโยชน์ มีทั้งเวิร์กชอปการปรุงอาหารเมนูเด็ก เวิร์กชอปเชฟน้อยเช่น ตำน้ำพริก ปอเปี๊ยะ ข้าวปั้น ขนมนึ่ง ไอศกรีม เป็นต้น ซึ่งจะจัดขึ้นตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานเสวนา เพื่อชวนกันพูดคุยถึงการเล่านิทาน การใช้ศิลปะนั้น จะช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ของเด็กๆ เรื่องอาหารการกินได้อย่างไร รวมไปถึงการโชว์ “ตลาดเขียว” โดยมีการชวนเครือข่ายผู้ผลิตที่การจัดตั้งตลาดในแต่ละจังหวัด นำผลผลิตที่มีในฤดูกาลนี้ และเป็นการผลิตจากระบบการผลิตอย่างยั่งยืนมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค มาขายมาโชว์เป็นตลาดย่อมๆ ภายในงานด้วย
“งานนี้ประชาชนที่สนใจการบริโภคอาหารธรรมชาติที่ปลอดภัย ปลอดสารพิษที่เลือกซื้อได้ยากนั้น ก็สามารถมาพบปะพูดคุยไถ่ถามกับผู้ผลิตได้ ว่าผักหน้าตาแปลกๆ นี้กินได้อย่างไร ทำกินอย่างไร หรือจะติดต่อซื้อผลผลิตก็สามารถแลกเปลี่ยนการติดต่อกันได้ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดพื้นที่ให้คนที่สนใจได้แหล่งที่จะหาซื้ออาหารดีๆ มีความปลอดภัยเพื่อสุขภาพ เพื่อโภชนาการและไม่เป็นพิษ หรือเรียนรู้ข้อมูลว่าจะไปหาตลาดแบบนี้ได้ที่ไหนอีก ก็ขอเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจมาร่วมเรียนรู้ด้วยกัน” น.ส.กิ่งกร กล่าว
