ชวนเยาวชนวิ่ง `เปลี่ยนชีวิต-จอมบึงมาราธอน`
ชวนเยาวชน และนักวิ่งร่วมวิ่ง 2 รายการเปลี่ยนชีวิต 'วิ่งสู่ชีวิตใหม่ – จอมบึงมาราธอน'
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ยังเดินหน้าปกป้องสุขภาวะของชาวไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนงานป้องกันเชิงรุก คือสร้างมาตรการรักษาชีวิตชาวไทยเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บป่วยจากการต้องรักษาตัว
แนวทางหนึ่งที่ผลักดันอย่างต่อเนื่องคือ ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ถือเป็นกีฬาที่สะดวกและผู้คนทุกวัยสามารถไปร่วมกิจกรรมกันได้ ขอเพียงมีใจที่พร้อม รองเท้าสักคู่ ก็พาเราไปพบประสบการณ์ใหม่ๆ ได้แล้ว
คุณประโยชน์ของการ “วิ่ง” ไม่ต้องบรรยายมาก แต่ผลลัพธ์ที่เห็นสามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้คนในสังคมได้จำนวนมาก โดยเฉพาะสุขภาพกายและใจที่ดี และห่างไกลโรคอย่างชัดเจน
ดังนั้นใครต้องการจะเข้าสู่วงการวิ่ง หรือก้าวกระโดดข้ามไปสร้างสถิติใหม่ๆ อีกไม่นานนี้จะมี 2 รายการวิ่งที่สำคัญ โดย สสส.ให้การสนับสนุนมาทดสอบฝีเท้ากัน ประกอบด้วย Thai Health Day 10K Run 2015 วิ่งสู่ชีวิตใหม่ 2558 และรายการ สสส. จอมบึงมาราธอน 2559
สำหรับงานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ 2558 ได้ร่วมกับสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทยและภาคีที่เกี่ยวข้อง วัตถุประสงค์ให้ประชาชนออกกำลังกายด้วยการวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดี และกระตุ้นให้เกิดนักวิ่งหน้าใหม่เข้าสู่สนามวิ่งเป็นจำนวนมาก ภายใต้สโลแกน “วิ่งเปลี่ยนชีวิต” หรือ “Running can change your life” โดยเชิญชวนนักวิ่งทบทวนการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองที่เกิดจากการวิ่ง และมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์สะสมระยะทางวิ่งที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยนำระยะทางของนักวิ่งทุกคนมารวมกัน เป้าหมายคือ 100,000 กิโลเมตร
จึงขอเชิญชวนเยาวชน ประชาชนทั่วไป ร่วมงานเดินวิ่งสู่ชีวิตใหม่ ครั้งนี้ 4 (Thai Health Day 10 K Run 2015) ในวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ระยะ คือ 3 กิโลเมตร 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร สามารถสมัครได้ 2 ช่องทางคือ สมัครผ่านสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย และสมัครผ่านระบบออนไลน์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดตามได้ที่ www.thaihealthdayrun.com Call center: 0-2278-7913
สำหรับงาน สสส. จอมบึงมาราธอน 2559 ร่วมกับมูลนิธิวิทยาลัยครูหมู่บ้านจอมบึง สมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย และภาคีเครือข่าย วัตถุประสงค์เป็นโอกาสดีให้เด็กและเยาวชนมีสนามได้ทดลองวิ่ง เพื่อสร้างนิสัยรักสุขภาพและการออกกำลังกาย โดยแบ่งประเภทการวิ่ง ประกอบด้วย ระยะทางวิ่งมาราธอน 42 เมตร ฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร มินิมาราธอน 10 กิโลเมตร และวิ่ง 3 กิโลเมตร จัดขั้นในวันที่ 17 มกราคม 2559 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี
ทพ.กฤษดา เรื่องอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า คาดว่าในปีนี้จะมีนักวิ่งทั้งหน้าใหม่และเก่าเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้น และสามารถสร้างกระแสการรักสุขภาพอย่างกว้างขวาง โดยใช้เสน่ห์ของจอมบึงมาราธอนดึงดูดผู้รักสุขภาพได้ เพราะสนามวิ่งจอมบึงถือเป็นสนามดีที่สุดของประเทศไทย เนื่องจากอากาศเย็นสบาย ปลอดภัย มีทิวทัศน์สวยงาม เรียกได้ว่าน่าสนใจยิ่งสำหรับนักวิ่งที่จะวิ่งฟูลมาราธอน 42.195 กิโลเมตรเป็นครั้งแรก รวมทั้งคนที่เคยสัมผัสมาแล้วก็ยังหลงเสน่ห์กลับมาวิ่งอยู่เสมอ
“เด็กและเยาวชนที่มาร่วมงานยังมีกิจกรรมขี่จักรยานรณรงค์จอมบึงเมืองจักรยาน การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และนำเที่ยวชมวิถีพอเพียงคนจอมบึง ตลาดนัดสุขภาพ และนิทรรศการต่างๆ เพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการของการจัดงานจากอดีตถึงปัจจุบัน ให้ได้รับประสบการณ์โดยตรง และนำไปปฏิบัติเป็นวิถีชีวิตของตนเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.chombuengmarathon.com”
ผู้จัดการ สสส.กล่าว และว่า ยอมรับว่าขณะนี้คนส่วนใหญ่เริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการวิ่งกันมากขึ้น เพราะเชื่อว่าจะสามารถทำให้ตัวเองมีสุขภาพดี และสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ๆ เกิดขึ้นได้ ขณะนี้มีคนกลุ่มวัยทำงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเป็นนักวิ่งหน้าใหม่ถึงร้อยละ 70 ประมาณร้อยละ 60 เป็นหญิง ร้อยละ 40 เป็นชาย แต่ที่อยากเห็นมากๆ คือนักวิ่งรุ่นเด็กๆ อายุระหว่าง 6-14 ปี เพราะถือเป็นอนาคตของชาติ และการมางานวิ่งจะช่วยให้เด็กและเยาวชนห่างไกลอบายมุข อาทิ ยาเสพติด พ่อแม่วัยใส และเด็กติดเกม
"จุดประสงค์ของการมาวิ่งที่ถูกต้องนั้น ต้องไม่ใช่วิ่งเพื่อความเท่ โก้เก๋ หรือมาถ่ายรูปกันที่เส้นชัยเพื่อนำไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก หรือเพื่อต้องการเหรียญรางวัล แต่ต้องมุ่งเน้นที่สุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น ห่างไกลโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน รวมถึงยังช่วยลดอัตราการตายก่อนวัยอันควรได้ และที่สำคัญคือการชนะจิตใจตนเองได้" ทพ.กฤษดากล่าวสรุป
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลทางด้านสุขภาพของการวิ่ง สำหรับในรายต้องการลดความอ้วน จำไว้ว่ายิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ ไขมันส่วนเกินก็สลายไปมากเท่านั้น และสิ่งสำคัญที่มากกว่านั้น ต้องควบคุมอาหารไปด้วย รับรองผอม สวย หล่อ แน่นอน
ส่วนคนที่วิ่งสร้างความแข็งแกร่ง เพราะร่างกายส่วนต่างๆ หากซ้อมอย่างต่อเนื่องจะทำให้ร่างกายปรับตัว และสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่าเดิม พร้อมทั้งเพิ่มภูมิคุ้มกันให้มากขึ้น ป้องกันโรคไข้หวัด จาม ไอ ได้อย่างดี รวมทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายแรงต่างๆ ได้มาก ขณะที่ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีคือ ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าหลังจากเสียเหงื่อ
นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียด และสามารถฝึกฝนสมาธิ เพราะจะทำให้เราไปจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รวมถึงช่วยปลดปล่อยใจให้รู้สึกเป็นอิสระได้ดีขึ้น เพราะได้รับสารแห่งความสุขอย่าง เอนดอร์ฟิน หลั่งออกมา ยิ่งหากได้วิ่งในสถานที่อากาศบริสุทธิ์ รับรองมีความสุขจนไม่อยากหยุดวิ่งแน่นอน
เห็นข้อดีของการวิ่งกันกันแล้ว สำหรับน้องใหม่อยากเข้าวงการวิ่ง เริ่มต้นได้ที่งาน “เดินวิ่งสู่ชีวิตใหม่” และ “สสส. จอมบึงมาราธอน” ได้เลย.
ที่มา: เว็บไซต์ไทยโพสต์