ชวนเด็กไทยวิ่ง ไร้อ้วน ห่างไกลโรค

/data/content/27057/cms/e_cdhikmpquvx5.jpg


          กระแสออกกำลังกายด้วยการวิ่งถือเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น คนทำงาน ไปถึงผู้สูงอายุ สามารถทำกิจกรรมนี้ได้ด้วยความสะดวก เพราะเริ่มต้นทำได้เพียงคนเดียว ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น ขอมีเพียงใจที่กล้าหาญและรองเท้าดีๆ สักคู่ ก็ก้าวออกไปทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงได้แล้ว


          ดังนั้นเพื่อตอกย้ำว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์จริง ทุกภาคส่วนในสังคม โดยเฉพาะสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงเข้ามาปลุกกระแสให้เห็นความสำคัญของการวิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ได้พุ่งเป้าไปตั้งแต่เด็กและเยาวชนในโรงเรียนให้เห็นความสำคัญไม่เพียงแต่การวิ่ง แต่หมายถึงการออกกำลังกายทุกประเภท เพื่อประโยชน์ท้ายสุด เด็กและเยาวชนมีร่างกายที่แข็งแรง ห่างไกลโรค และประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุขอีกมหาศาล


          ล่าสุดมีกิจกรรมดีๆ ที่ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานไปร่วมได้ เกิดขึ้นโดย ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานแถลงข่าว สสส. จอมบึงมาราธอน Thai Health ChomBueng Marathon 2015 ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


          โดยร่วมกับมูลนิธิวิทยาลัยครูหมู่บ้านจอมบึง สมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย และภาคีเครือข่าย จัดงาน/data/content/27057/cms/e_acfilnpuwy17.jpg "สสส. จอมบึงมาราธอน ครั้งที่ 30" ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 ม.ค.2558 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี และถือเป็นโอกาสดีให้เด็กและเยาวชนมีสนามได้ทดลองวิ่งเพื่อสร้างนิสัยรักสุขภาพและการออกกำลังกาย


          ทพ.กฤษดากล่าวว่า คาดว่าในปีนี้จะมีนักวิ่งทั้งหน้าใหม่และเก่าเข้าร่วมกิจกรรมนี้เพิ่มขึ้น และสามารถสร้างกระแสการรักสุขภาพอย่างกว้างขวาง โดยใช้เสน่ห์ของจอมบึงมาราธอนดึงดูดผู้รักสุขภาพได้ เพราะสนามวิ่งจอมบึงถือเป็นสนามที่ดีที่สุดของประเทศไทย เนื่องจากอากาศเย็นสบาย ปลอดภัย มีทิวทัศน์สวยงาม เรียกได้ว่าน่าสนใจยิ่งสำหรับนักวิ่งที่จะวิ่งฟูลมาราธอน 42.195 กิโลเมตรเป็นครั้งแรก รวมทั้งคนที่เคยสัมผัสมาแล้วก็ยังหลงเสน่ห์กลับมาวิ่งอยู่เสมอ


          ด้าน ผศ.ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และคณะกรรมการจัดงาน กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงมีนโยบายส่งเสริมสุขภาพให้กับคณาจารย์ บุคลากร โดยเฉพาะนักศึกษา และชุมชนโดยรอบมหาวิทยาลัย ให้เกิดความตระหนักถึงการดูแลสุขภาพร่างกายของทุกคนโดยตลอด และสนับสนุนการออกกำลังกายจนเป็นนิสัยเพื่อเป็นภูมิต้านทานโรคต่างๆ ได้


          สำหรับกิจกรรม สสส.จอมบึงมาราธอนครั้งนี้ ประกอบด้วย เดินเพื่อสุขภาพระยะทาง 3 กิโลเมตร การแข่งขันวิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร, วิ่งครึ่งมาราธอนระยะทาง 21.1 กิโลเมตร, วิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 10 กิโลเมตร และวิ่งระยะทาง 3 กิโลเมตร Kid for Run


          เด็กและเยาวชนที่มาร่วมงานยังมีกิจกรรมขี่จักรยานรณรงค์จอมบึงเมืองจักรยาน การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และนำเที่ยวชมวิถีพอเพียงคนจอมบึง ตลาดนัดสุขภาพ และนิทรรศการย้อนรอย 3 ทศวรรษของจอมบึงมาราธอน ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษครบรอบ 30 ปี เพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการของการจัดงานจากอดีตถึงปัจจุบัน เน้นเยาวชนคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา มีส่วนร่วมในกิจกรรมมากยิ่งขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา จะทำให้ได้รับประสบการณ์โดยตรง และนำไปปฏิบัติเป็นวิถีชีวิตของตนเอง สำหรับผู้ที่สนใจสามารถส่ง ชื่อและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ www. chombuengmarathon.com


          ด้าน ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ /data/content/27057/cms/e_abfgqrstvw28.jpg(สสส.) กล่าวถึงกระแสวิ่งในช่วงนี้ว่า หลังการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่งสู่ชีวิตใหม่ "ไทย เฮลธ์เดย์ รัน 2014" (Thai health Day run 2014) ครั้งที่ 3 เมื่อปีที่แล้วผ่านไป ถือว่าจุดกระแสการวิ่งได้อย่างดีเยี่ยม คนส่วนใหญ่เริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการวิ่งกันมากขึ้น เพราะเชื่อว่าจะสามารถทำให้ตัวเองมีสุขภาพดีและสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ๆ เกิดขึ้นได้


          โดยขณะนี้มีคนกลุ่มวัยทำงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเป็นนักวิ่งหน้าใหม่ถึงร้อยละ 70 ประมาณร้อยละ 60 เป็นหญิง ร้อยละ 40 เป็นชาย แต่ที่อยากเห็นมากๆ คือนักวิ่งรุ่นเด็กๆ อายุระหว่าง 6-14 ปี เพราะถือเป็นอนาคตของชาติ และการมางานวิ่งจะช่วยให้เด็กและเยาวชนห่างไกลอบายมุข อาทิ ยาเสพติด พ่อแม่วัยใส และเด็กติดเกม


          "จุดประสงค์ของการมาวิ่งที่ถูกต้องนั้น ต้องไม่ใช่วิ่งเพื่อความเท่ โก้เก๋ หรือมาถ่ายรูปกันที่เส้นชัยเพื่อนำไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก หรือเพื่อต้องการเหรียญรางวัล แต่ต้องมุ่งเน้นที่สุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น ห่างไกลโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน รวมถึงยังช่วยลดอัตราการตายก่อนวัยอันควรได้ และที่สำคัญคือการชนะจิตใจตนเองได้" ศ.นพ.อุดมศิลป์กล่าว


          อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อดีของการวิ่งยังมีอีกมากมาย หากใครที่ยังลังเลก็ขอให้ตัดสินใจไปออกกำลังกายพร้อมกัน โดยเฉพาะเหตุผลแรกที่ทุกคนในสมัยนี้ต้องการคือลดความอ้วน จำไว้ว่ายิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ ไขมันส่วนเกินก็สลายไปมากเท่านั้น และหากควบคุมอาหารไปด้วย รับรองผอม สวย หล่อ แน่นอน


          ในขณะเดียวกัน การวิ่งจะสร้างความแข็งแกร่ง เพราะร่างกายส่วนต่างๆ จะเริ่มปรับตัวได้ จนสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่าเดิม พร้อมทั้งเพิ่มภูมิคุ้มกันให้มากขึ้น ป้องกันโรคไข้หวัด จาม ไอ ได้อย่างดี รวมทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายแรงต่างๆ ได้มาก ขณะที่ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีคือ ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าหลังจากเสียเหงื่อ


          นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียด และสามารถฝึกฝนสมาธิ เพราะจะทำให้เราไปจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รวมถึงช่วยปลดปล่อยใจให้รู้สึกเป็นอิสระได้ดีขึ้น เพราะได้รับสารแห่งความสุขอย่าง เอนดอร์ฟินหลั่งออกมา ประกอบกับหากได้ไปวิ่งในสถานที่อากาศบริสุทธิ์รับรองมีความสุข จนไม่อยากหยุดวิ่งและชักชวนคนที่รักมาทำกิจ กรรมดี๊ดี ที่หาซื้อไม่ได้ร่วมกัน


          เห็นข้อดีของการวิ่งกันกันแล้ว หยุดเสียทีกับข้ออ้างว่า "ไม่มีเวลา" ถึงเวลาพาลูกหลานไปสร้างนิสัยรักการออกกำลังกายพร้อมกัน.


 


 


          ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ