ชวนดำนาบ้านครูธานี ตามรอยในหลวง ร.9

ที่มา : ไทยโพสต์


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


ชวนดำนาบ้านครูธานี ตามรอยในหลวง ร.9 thaihealth


พูดถึงอาชีพหลักของคนไทยในอดีต การปลูกข้าวถือเป็นหัวใจด้านเกษตรกรรม เดิมการไถนาโดยใช้ควายและการดำนาเป็นวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน ซึ่งคนยุคนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นและเรียนรู้วิถีดั้งเดิมมากนัก


ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรม SOOK Travel Trip 3 ตอน "ตะลุยทุ่งนา พาดำนาเกี่ยวข้าว เข้าใจเกษตรวิถี ขี่รถกระแทะ และเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ณ บ้านครูธานี จังหวัดปทุมธานี" นับว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่เปิดโอกาสให้พ่อแม่ได้จูงมือลูกหลานออกมาจากสังคมเมือง สูดบรรยากาศธรรมชาติที่บริสุทธิ์ปราศจากควันพิษ พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตชาวนา เช่น การปลูกข้าว ได้ลองขี่ควายและดำนาท่ามกลางลมเย็นๆ ที่พัดผ่านเข้ามาในช่วงต้นฤดูหนาว


ธานี หอมชื่น บุคคลต้นแบบผู้ที่เปลี่ยนแปลงพื้นที่กว่า 15 ไร่ เป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องการทำนาและเกษตรแบบผสมผสานภายใต้ชื่อ "บ้านครูธานี" บอกเล่าถึงที่มาว่า เด็กยุคใหม่ค่อนข้างขาดโอกาสเรียนรู้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของคนสมัยก่อนจึงตั้งใจถ่ายทอดวิถีชีวิตภูมิปัญญาชาวนาที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษ ตลอดเวลากว่า 20 ปีในการเปิดบ้านครูธานีแห่งนี้ เห็นได้ว่าคนเมืองหันมาให้ความสนใจและความสำคัญกับการปลูกข้าวและชาวนามากขึ้น


ชวนดำนาบ้านครูธานี ตามรอยในหลวง ร.9 thaihealth


"บ้านครูธานี ใช้ข้าวเป็นจุดสำคัญในการเรียนรู้ เพราะสามารถแตกแขนงได้หลากหลาย แฝงไปด้วยวัฒนธรรม ภาษา ความเชื่อและภูมิปัญญา ภายใต้หลักหลักการ '3 ห่วง 2 เงื่อนไข' ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานให้พสกนิกรชาวไทยได้นำไปปรับใช้กับทุกบริบทในการดำรงชีพ เพื่อมุ่งเน้นให้รู้จักการพึ่งพากันและกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการลดต้นทุนและเพิ่มผลลัพธ์ เช่น การใช้ควายเป็นแรงงานไถนา ข้าวที่ได้จากนาสามารถแบ่งส่วนมาเลี้ยงไก่ได้" ครูธานีกล่าว


กิจกรรมใน SOOK Travel Trip 3 ที่เกิดขึ้น ณ บ้านครูธานี เด็กๆ จะได้ลงมือปฏิบัติจริงจากกุศโลบายการสอนที่เริ่มตั้งแต่การปลูกข้าว นวดข้าว ฝัดข้าว เกี่ยวข้าว จนถึงการนำไปประกอบอาหาร ในครั้งนี้ครูธานีให้ความรู้กับเด็กๆ ว่า ชาวนาเชื่อกันว่าข้าวเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์มีแม่พระโพสพดูแลรักษา ทำให้การปลูกข้าวได้ผลผลิตมากมาย เพราะเมล็ดพันธุ์ข้าว 1 เมล็ดที่เราปลูก ให้ผลผลิตถึง 250 เมล็ด


ชวนดำนาบ้านครูธานี ตามรอยในหลวง ร.9 thaihealth


ส่วนการดำนาเป็นการใช้นิ้วมือทั้ง 5 นิ้วปลูกข้าว นิ้วโป้งนิ้วชี้จับไปที่คอต้นข้าว นิ้วก้อยประคองต้นกล้าให้ตั้งตรง ส่วนนิ้วนางและนิ้วกลางให้ชี้ออกเพื่อที่เวลาปักจะได้ไม่ติดโคลน เมื่อเด็กๆ ปลูกข้าวกันเสร็จแล้วพวกเขาไม่รีรอที่จะใช้ที่แห่งนี้เล่นโคลนและเรียนรู้กันอย่างสนุกสนาน สร้างเสียงหัวเราะและความประทับใจให้กับตัวเด็กและผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรม


ชวนดำนาบ้านครูธานี ตามรอยในหลวง ร.9 thaihealth


ด้าน วรรณภา การุณย์ คุณป้าของ ด.ญ.ลักษิกา การุณย์ หรือน้องเฮร่า อายุ 9 ขวบ ผู้ร่วมกิจกรรมตะลุยทุ่ง เล่าว่า เคยพาน้องไปเรียนรู้วิถีชีวิตที่ต่างจังหวัด แต่ยังไม่เคยเจอควายไถนาจริงๆ จึงสมัครเข้ามาทางแฟนเพจของ สสส. เพราะอยากให้น้องได้เรียนรู้วิถีชีวิตจริงๆ เห็นได้ว่า กิจกรรมครั้งนี้น้องดูสนุกมาก เพราะได้ทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น การดำนา ได้เล่นโคลน ได้เก็บไข่ไก่ ได้ทำกับข้าว เป็นต้น


ชวนดำนาบ้านครูธานี ตามรอยในหลวง ร.9 thaihealth


ด้าน ปิยะนุช เพียรเจริญทรัพย์ คุณแม่ของ ด.ช.ชิตะอา คุ้มครองวงศ์ หรือน้องอิ๊กกิ อายุ 5 ขวบ บอกว่า เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมกิจกับกับ SOOK นอกสถานที่ ไม่ใช่ที่กรุงเทพฯ กิจกรรมครั้งนี้ได้เปลี่ยนบรรยากาศจากในสังคมเมืองที่เคยชิน นั่งรถยนต์ติดไฟแดง เปลี่ยนมาเป็นนั่งรถกระแทะรับลมเย็นดูวิวธรรมชาติสองข้างทาง ช่วงท้ายของกิจกรรมยังได้ทำมีดดาบจากต้นกล้วย


"เมื่อน้องอิ๊กกิได้เล่นก็มีความสุข แม่เองก็มีความสุข ความรู้ที่ได้จากกิจกรรมนี้จะกลับไปทำต่อ เพราะดูน่าสนใจและทำง่ายอย่างการปลูกผักสวนครัว โดยจะเริ่มจากการปลูกผักบุ้ง การเรียนรู้ในวัยเด็กสำคัญมาก" ปิยะนุชกล่าวทิ้งท้าย


ผู้ที่สนใจกิจกรรม SOOK Activity ของ สสส.สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-23431500 กด 2, 08-1731-8270 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-17.00 น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์), Line ID: thaihealth_center, @SOOK, https://www.facebook.com/sookcenter

Shares:
QR Code :
QR Code