ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก นร.ในสังกัดกทม.
กทม.เดินหน้าบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกแก่เด็กนักเรียนฟรี เน้นดำเนินงานเชิงรุก ลดความเสี่ยงตั้งแต่แรกเริ่ม
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็น อันดับ 2 ในผู้หญิงไทยรองจากมะเร็งเต้านม ดังนั้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อเอชพีวี ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก กรุงเทพมหานครจึงได้จัดโครงการ "การให้บริการวัคซีนป้องกันเอชพีวี (HPV) ใน โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร" ขึ้น เพื่อ เน้นป้องกันและลดความเสี่ยงตั้งแต่แรกเริ่ม โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนหญิง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวนกว่า 18,000 คน ใน 438 โรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร เนื่องจากการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กในช่วงอายุนี้ จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้สูงที่สุด ทั้งนี้ได้เปิดตัวโครงการ ดังกล่าวที่โรงเรียนวิชากร เขตดินแดง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า "กรุงเทพ มหานครเป็นหน่วยงานภาครัฐแห่งแรกในประเทศไทยที่จัดให้มีบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกแก่เด็กนักเรียนฟรี จากการศึกษาข้อมูลพบว่าการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวีเป็นการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นการดำเนินการเชิงรุกที่เน้นป้องกันและลดความเสี่ยงตั้งแต่แรกเริ่ม อีกทั้ง ยังช่วยประหยัดงบประมาณในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในอนาคตอีกด้วย กทม. จึงอยากเชิญชวนให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนหันมาให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้มากขึ้นเพื่อป้องกันโรคให้กับประชาชนและประหยัดงบประมาณเพื่อการรักษาในอนาคต"
ศ.แพทย์หญิงอุษา ทิสยากร นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคว่า "การป้องกันโรคเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเราต้องการประชาชนที่แข็งแรงเพื่อสร้าง คุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติในอนาคต ดังตัวอย่างเช่น การฉีดวัคซีนได้ป้องกันชาวโลก จากโรคต่างๆ มากมาย เช่น โรคฝีดาษ โรคโปลิโอ ซึ่งกำลังจะถูกกำจัดออกไป จากโลกนี้ในลำดับถัดไป เป็นต้น นอกจากนั้น บางโรค ที่ยังไม่สามารถกำจัดออกไปโดยเด็ดขาดก็ถูกควบคุม ป้องกัน โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรค เช่น คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน เป็นต้น เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นโอกาสดีของเด็กนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครที่จะได้รับการป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็งปากมดลูก"
รศ.นายแพทย์วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ หัวหน้าสาขาวิชามะเร็งนรีเวชวิทยา ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเลขาธิการ สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย กล่าวว่า "ในปีหนึ่งๆ พบว่ามีสตรีป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ทั่วโลก ทั้งๆ ที่เป็นมะเร็งที่ตรวจพบง่าย และสามารถป้องกันได้ อันดับแรกคือ ลดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ เมื่ออายุน้อย หรือการตั้งครรภ์เมื่ออายุน้อย การมีคู่นอนหลายคน สองคือ การตรวจคัดกรอง มะเร็ง เช่น การตรวจแป๊ปสเมียร์ ซึ่งเป็นการตรวจสอบเซลล์บริเวณปากมดลูกเพื่อหาเซลล์ที่ผิดปกติ และสุดท้าย การฉีดวัคซีนป้องกัน เอชพีวี ซึ่งหากจะฉีดวัคซีนให้ได้ผลและ เกิดประโยชน์มากที่สุดนั้น ควรฉีดก่อนการ มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก"
นางจุฑาภัค มีฉลาด ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนวิชากร กล่าวว่า "นับว่า เป็นความโชคดีของโรงเรียนและเด็กๆ ที่ได้รับ โอกาสนี้จากกรุงเทพมหานคร ปัจจุบัน เรามีการสอนเรื่องเพศศึกษาและการปฏิบัติตัวที่ดีเพื่อป้องกันตัวเองจากภัยและโรคอันตรายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี เมื่อมีวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เราก็ อยากจะให้เด็กของเราเข้าถึงได้ จึงรู้สึก ขอบคุณกรุงเทพมหานครมากที่จัดโครงการนี้ ขึ้นมา เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ในอนาคตทั้งตัวเด็กเอง ผู้ปกครอง สังคม และประเทศชาติ"
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://nwnt.prd.go.th