จิตวิญญาณใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลง

 /data/content/24631/cms/e_hijptvxz1359.jpg


              การเปลี่ยนแปลงตัวเองคงไม่ใช่เป็นเพียงแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผมเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องที่ต้องเปลี่ยนแปลงจากภายในออกสู่ภายนอก ทั้งจิตใจ ความคิด และทัศนคติ มีคนจำนวนมากกลัวที่จะยอมรับและตรวจตราความคิดและอารมณ์ของตนเอง รวมทั้งไม่สนใจเรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเอง แต่กลับเลือกสนใจเรื่องที่อยู่นอกกาย


               โดยเรื่องนี้ “พระไพศาล วิสาโล” พระนักขับเคลื่อนทางสังคมมายาวนาน ได้ให้ความกระจ่างไว้ระหว่างงานเสวนา “New Spirit รวมมิตร คิดสร้าง” จัดโดยสำนักพิมพ์สวนเงินมีมา และสำนักอิสระเพื่อการศึกษาและวิจัยเรื่องความเป็นอยู่ดี โดยปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ว่ายทวนน้ำ สร้างจิตวิญญาณใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลง” ว่าคนที่มีจิตวิญญาณเพื่อการเปลี่ยนแปลง ถ้าเขาจะทวนน้ำหรือทวนกระแส ก็ตรงที่ว่าเขากำลังทวนกระแสแห่งความเฉื่อยของผู้คนในสังคม เพราะธรรมชาติของคนส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ติดยึดกับสิ่งเดิมๆ และก็ไม่ปรารถนาความเปลี่ยนแปลง


               พระไพศาล บอกต่อว่า คนที่จะมีจิตวิญญาณเพื่อการเปลี่ยนแปลง เขาทำได้อย่างไร หรืออะไรทำให้เขาเห็นการเปลี่ยนแปลง หรือพยายามผลักดันขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมานั้น มีอยู่หลายเหตุหลายปัจจัย ปัจจัยหนึ่งก็คือบุคคลเหล่านี้เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่สังเกต และทำให้เขาตั้งคำถามว่าของเดิมที่เป็นอยู่ถูกต้องหรือไม่ เช่น “กาลิเลโอ” ค้นพบความจริงที่ว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์


               ขณะที่ “มหาตมะ คานธี” ต่อสู้เพื่อสิทธิของคนผิวสีในแอฟริกาใต้ เพราะเขาเห็นความไม่ถูกต้องและพยายามที่จะลุกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลง


               เช่นเดียวกับ “เนลสัน แมนเดลา” เคยพูดไว้หลังจากที่เขาได้เป็นประธานาธิบดี และนำพาแอฟริกาใต้หลีกเลี่ยงสงครามการเมืองสู่ประชาธิปไตยว่า “สิ่งที่ยากลำบากที่สุดอย่างหนึ่งไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงสังคม แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงข้างในตนเอง”


               พระไพศาล ยังฝากข้อคิดสำหรับผู้ที่ปรารถนาจะหล่อหลอมจิตวิญญาณเพื่อการเปลี่ยนแปลงขึ้นในตัวเราว่า ความพากเพียรพยายามเท่านั้นที่จะทำให้การต่อสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงมันบังเกิดผล แต่จะเพียรพยายามได้มันจะต้องตระหนักถึงความจริงอย่างหนึ่ง



/data/content/24631/cms/e_abeginqsx368.jpg


            “มหาตมะ คานธี”เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อใดก็ตามมีแนวคิดใหม่เกิดขึ้น มันจะมีกระบวนการ 5 ขั้นตอนที่จะตามมา คือ 1.ถูกเยาะเย้ย ถูกหัวเราะเยาะ 2.ถ้ายังสู้ไม่หยุด และเริ่มประสบผล ก็จะถูกต่อต้านขัดขวาง 3.ถ้ายังไม่หยุดอาจถูกทำร้ายถึงชีวิต 4.ถ้าไม่หยุด และประสบความสำเร็จ เขาก็จะเริ่มยอมรับ และ 5.ในที่สุดเขาจะชื่นชมสรรเสริญ


              ขณะที่วงเสวนา “New Spirit รวมมิตร คิดสร้าง” ก็มีความคิดเห็นที่น่าสนใจ โดยนายแบงค์ งามอรุณโชติ นักวิชาการรุ่นใหม่ บอกว่า การเรียนรู้ให้เกิด “New Spirit”นั้น เราต้องยอมหันมาเข้าใจเรียนรู้กับตัวเองโดยเฉพาะครู ถ้าตีความ “New Spirit” เป็นลมหายใจใหม่ เราต้องพยายามให้ลมหายใจใหม่กับตัวเราเองเสมอ พยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา


              ส่วน นายชิตพงษ์ กิตตินราดร นักวิชาการหนุ่มผู้มองสรรพสิ่งอย่างเป็นองค์รวม บอกว่า “คนเราถ้าอยากพัฒนาตัวเองจะต้องเปิดรับความเข้าใจจากภายนอก เพื่อนำไปปรับปรุงความเข้าใจภายใน” ปัจจุบันวิทยาศาสตร์กับจิตวิญญาณแยกออกจากกันมากเกินไป ทำให้มนุษย์ไม่รู้ว่าชีวิตควรจะไปทางใด


              ดังนั้นเราควรทำให้เกิดการหลอมรวมกันของศาสตร์ที่ดีเหล่านี้ เพราะการใส่ใจเรื่องจิตวิญญาณของตัวเองนั้น อาจช่วยให้รับรู้ถึงความต้องการและความฝันที่แท้จริงของเราได้ และการรู้จักตัวเองมากขึ้นก็อาจจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต


 


               เรื่องโดย: นายฉัตร์ชัย นกดี  Team content www.thaihealth.or.th

Shares:
QR Code :
QR Code