“จัดฟันออนไลน์” เสี่ยงอันตรายในช่องปาก

“จัดฟันออนไลน์” เสี่ยงอันตรายในช่องปาก thaihealth


แฟ้มภาพ


“ทันตแพทย์” เตือนขายวัสดุจัดฟันออนไลน์ส่งตรงถึงบ้าน ระบุผิด กม.มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ห่วงประชาชนซื้อใช้ เสี่ยงเสียทั้งเงินทั้งฟัน แนะหากต้องการจัดฟันควรพบทันตแพทย์ดีที่สุด


ทพ.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล สมาชิกทันตแพทยสภา และอดีตหัวหน้าภาควิชาทันตกรรมชุมชน คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะพบปัญหาการจัดฟันเถื่อนโดยไม่ใช่ทันตแพทย์จำนวนมาก ล่าสุดพบการจำหน่ายอุปกรณ์จัดฟันในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ซึ่งไม่ใช่แค่ยางจัดฟันสีสันต่างๆ แต่ยังมีวัสดุอุปกรณ์สำหรับการทำรีเทนเนอร์ ผง และถาดพิมพ์ พร้อมสอนวิธีทำและส่งตรงถึงบ้าน ถือเป็นการตลาดของผู้ขายที่เลี่ยงกฎหมาย เนื่องจากเดิมจะเปิดเป็นห้องแถว รับจัดฟันเถื่อน แต่เมื่อถูกจับก็เลี่ยงไปขายออนไลน์แทน เพราะตามตัวยาก ไม่มีหน้าร้าน ลูกค้าซื้อเครื่องมือไปทำเอง ดังนั้นแม้จะถูกสั่งปิดเว็บไซต์ก็สามารถเปิดใหม่ได้อีกปัญหาคือ ลูกค้าที่ซื้อก็ไม่ใส่ใจถึงผลกระทบ ทั้งที่สิ้นเปลือง และใช้ไม่ได้มีสูง และยังไม่นับผลกระทบต่อช่องปากอีก


ทพ.ธงชัย กล่าวว่า อย่างรีเทนเนอร์ที่ไม่เข้ากับช่องปาก หากฝืนใส่ก็อาจทำให้ช่องปากได้รับปากเจ็บ ฟันเคลื่อนจากตำแหน่งที่ควรเป็น เกิดปัญหาฟันตาย ซึ่งเป็นอาการของฟันเสีย เส้นเลือดดำในฟันแตก จนต้องสูญเสียฟันดีๆ โดยไม่จำเป็น ขณะที่ยางจัดฟัน รวมทั้งเส้นลวด หรือท่อสำหรับครอบฟันที่มีสีต่างๆ หากใส่ไปนานๆ สีจะจางลง คือสีอาจหลุดเข้าไปสู่ร่างกายจากการกลืนเข้าไป ซึ่งไม่มีทางทราบว่าสีดังกล่าวเป็นอันตรายหรือไม่ อาจเป็นสีในกลุ่มโลหะหนักก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ขอเตือนผู้บริโภคให้ระวัง อย่าหลงเชื่อซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ เพราะราคาถูกกว่าไปทำกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเสี่ยงเสียเงินฟรี และอาจรับผลกระทบต่างๆ ด้วย ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อยู่ระหว่างจัดทำประกาศให้การจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์จัดฟัน ถือเป็นการบริการที่อันตราย ซึ่งหากมีการดำเนินการได้จริงจะเป็นเรื่องดีมาก


ด้าน ทพ.อดิเรก ศรีวัฒนาวงษา นายกทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การขายวัสดุอุปกรณ์จัดฟันให้ลูกค้าไปทำการจัดฟันเองที่บ้าน ถึงจะไม่ได้ทำด้วยตัวเองก็ถือว่า เข้าข่ายผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม และผิดกรณีไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพทันตกรรม พ.ศ.2537 มีโทษปรับ 3 หมื่นบาท และจำคุก 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม การจะจับกุมผู้กระทำผิดคงทำไม่ได้หมด อย่างหากสั่งปิดเว็บไซต์ ก็ไปเปิดเว็บไซต์ใหม่ได้อีก สิ่งสำคัญอยู่ที่ประชาชนต้องตระหนักและหวาดกลัวการกระทำใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ แต่ดูเหมือนคนจะไม่กลัว และชอบทำอะไรที่ก่อให้เกิดอันตรายตลอด ซึ่งเป็นปัญหามาก


 


 


ที่มา : เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ

Shares:
QR Code :
QR Code