จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น“โรคเบาหวาน”
โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากร่างกาย ไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้ประโยชน์ภายในเซลล์ร่างกายได้ อาจเกิดเนื่องจากขาดฮอร์โมนจากตับอ่อนที่ชื่อว่าอินซูลิน หรือเกิดจากการที่เซลล์ในร่างกายไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนดังกล่าว ซึ่งทำให้มีการคั่งของน้ำตาลในเลือด เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะล้นออกมากับปัสสาวะ ทำให้ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะได้ และที่เรียกว่า “เบาหวาน” ก็เนื่องมาจากคำว่า “เบา” หมายถึง “ปัสสาวะ” และ “หวาน” ก็เนื่องมาจากว่าในปัสสาวะมีน้ำตาลนั่นเอง
อาการทั่วไปของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานได้แก่ :
1. หิวบ่อยและกินจุ แต่ผอมลง
2. ดื่มน้ำและกระหายน้ำบ่อย ๆ
3. ปัสสาวะมาก และบ่อยครั้ง
4. เป็นแผลหรือฝีง่าย แต่รักษายาก
5. คันตามผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ
6. ชาตามปลายมือ และปลายเท้า
7. ตาพร่ามัว ต้องเปลี่ยนแว่นตาบ่อย ๆ
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเบาหวาน :
1. สังเกตตัวเองว่ามีอาการเด่นชัด 3 อย่าง ของอาการเบาหวานหรือไม่
2. ถ้ามี ให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด, น้ำตาลในปัสสาวะ และอย่างอื่น ๆ การวินิจฉัยเบาหวาน ทำได้โดยการเจาะระดับน้ำตาลในเลือดเท่านั้น โดยให้งดอาหารก่อนเจาะเลือด 6-8 ชั่วโมง ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 126 มก./ดล. ให้ทำซ้ำอีกครั้ง ถ้ายังสูงกว่า 126 มล./ดล. ถือว่าเป็นเบาหวาน แต่ถ้ามีอาการดังกล่าวข้างต้น แล้วเจาะเลือดโดยไม่ต้องอดอาหาร หากระดับน้ำตาล ในเลือดสูงกว่า 200 มก./มล. ก็ถือว่าเป็นเบาหวาน ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้บอกท่านได้ว่า ท่านกำลังเป็นเบาหวานอยู่หรือไม่
ที่มา : เว็บไซด์คณะเทคนิกการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต