งานวิจัยเผย ‘ควันธูป’ มีสารก่อมะเร็ง
ที่มา : แนวหน้า
แฟ้มภาพ
ควันธูปมีสารก่อมะเร็ง 3 ชนิด ได้แก่ เบนซิน บิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน เป็นสารเคมีอันตรายที่เกิดจากการเผาไหม้ของกาวและน้ำหอม ที่ทำจากขี้เลื่อย กาว น้ำมันหอมสกัดจากพืช ไม้หอม ใบไม้เปลือกไม้ รากไม้ เมล็ดพืช เรซิ่นและสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม
จากผลสรุปงานวิจัย “สารก่อมะเร็ง : ภัยเงียบที่มากับควันธูป” ของ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ และ ดร.พนิดานวสัมฤทธิ์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ พบว่าควันธูปเป็นตัวการสำคัญทำให้ก่อมะเร็งในคน โดยมีสารก่อมะเร็ง 3 ชนิดได้แก่ เบนซิน บิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน เป็นสารเคมีอันตรายที่เกิดจากการเผาไหม้ของกาวและน้ำหอม ที่ทำจากขี้เลื่อย กาว น้ำมันหอมสกัดจากพืช ไม้หอม ใบไม้เปลือกไม้ รากไม้ เมล็ดพืช เรซิ่นและสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์สิ่งแวดล้อม จึงร่วมกับคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดเสวนาหัวข้อ “ธูป…ทำบุญ…ผลต่อสุขภาพ…มะเร็ง?” ณ สำนักงาน วช. ถ.พหลโยธิน เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปการจัดการใน 3 ประเด็น คือ การใช้ธูปควรมีแนวทางดำเนินการในสังคมไทยอย่างไร การออกแบบธูปที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพและการลดพฤติกรรมใช้ธูปในระยะยาว
ดร.ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์ ผู้อำนวยการวิจัยยุทธศาสตร์สิ่งแวดล้อม วช. กล่าวว่า ควันธูปนั้นมีการศึกษาวิจัยจำนวนไม่น้อยสรุปผลตรงกันว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยมีสารสำคัญที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งโดยเฉพาะผลงานวิจัยของ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ดีเด่นแพทยสภา ประจำปี 2561 ด้านผู้ปฏิบัติงานจากการอุทิศตนและเสียสละเวลาทำงานเพื่อสังคม ได้ศึกษาวิจัยผลกระทบต่อผู้ใช้ธูปมากว่า 10 ปี ยืนยันชัดเจนว่าธูปนั้นเป็นต้นเหตุสำคัญทำให้เกิดมะเร็ง ซึ่งจากรายงานผลการศึกษาวิจัยทั้งในสหรัฐอเมริกาและไทยพบว่าควันธูปและควันบุหรี่มีสารก่อให้เกิดมะเร็งไม่แตกต่างกัน
นพ.มนูญกล่าวว่า จากการสุ่มตัวอย่างกลุ่มคนที่อาศัยในวัดขนาดใหญ่ที่มีการใช้ธูปจำนวนมาก 3 จังหวัดได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา ผลปรากฏว่ากลุ่มคนที่ทำงานกับธูปอยู่ในวัดมีสารก่อมะเร็งทั้ง 3 ตัว สูงกว่ากลุ่มคนที่ไม่ได้ทำงานกับธูปอยู่นอกวัดทุกตัวและพบว่าอากาศในวัดมีสารก่อมะเร็งเยอะกว่าข้างนอก ฉะนั้นธูปจึงเป็นต้นเหตุสำคัญของการเป็นมะเร็งแม้กระทั่งธูปไร้ควันก็เช่นเดียวกัน
นางสุภัทรา อดิสร ผู้อำนวยการกลุ่มกำหนดมาตรฐาน 6 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า มาตรฐานของ สมอ.มีอยู่ 2 ประเภท คือ มาตรฐานบังคับ และมาตรฐานทั่วไปในส่วนของธูปนั้นเป็นมาตรฐานทั่วไป
“นับตั้งแต่มีการประกาศมาตรฐานธูปออกไปปี 2550 จนปัจจุบันนี้ได้รับการรับรองเพียงรายเดียวคือธูปนพมาศ ต่อมาปี 2553 มีการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน กลุ่มวิสาหกิจ กลุ่มแม่บ้านผลิตธูป ก็ได้มีข้อกำหนดมาตรฐานชุมชนออกมาแต่จะอ่อนกว่ามาตรฐาน มอก.2345-2550”
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ประธานคณะอนุกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชนเมือง สนช. กล่าวว่า จะนำผลเสวนาเสนอต่อคณะกรรมาธิการ ก่อนนำเข้าสู่ครม.พิจารณา เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการทั้งทางกฎหมาย มาตรฐานทางสังคม ฯลฯ เพื่อลดปัญหาในระยะยาวต่อไป