งด ‘ถวายอาหารหวาน’ แด่พระสงฆ์

/data/content/26835/cms/e_abdmnrstwx57.jpg


          การสำรวจสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่ 7 ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุระหว่าง 60-70 ปี พบว่ามี ฟันผุที่ยังไม่ได้รักษาร้อยละ 48.3 มีการสูญเสียฟัน ร้อยละ 95.5


          นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย แนะนำว่า การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันโดยทั่วไปทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพในช่องปากและการป้องกันปัจจัยเสี่ยงร่วม โดยตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละครั้ง ร่วมกับการดูแลอนามัยช่องปากอย่างเหมาะสม ได้แก่ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง นานครั้งละ 2 นาที และงดฉันอาหารหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง


          แต่เนื่องจากพระสงฆ์ไม่สามารถเลือกฉันอาหารเองได้ พุทธศาสนิกชนจึงควรหลีกเลี่ยงการถวายภัตตาหารที่รสหวานจัด มีน้ำตาลในปริมาณมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เกิดโรคในช่องปาก รวมถึงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงด้วย


          สำหรับอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน ได้แก่ อาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผักและผลไม้ จำพวกแตงกวา ฝรั่ง มะเขือเทศ ชมพู่ จะช่วยในการทำความสะอาดฟัน อาหารที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม สับปะรด กะหล่ำปลี แครอต ผักคะน้า มีความสำคัญในการรักษาเหงือก ฟัน กระดูก อาหารที่มีวิตามินบี 2 เช่น ถั่วลิสง รำ ถั่วเหลือง มะม่วง จะช่วยป้องกันมุมปากแตก ลิ้นอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม ขนมหวาน เช่น คุกกี้ โดนัท ทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทอง เพราะมีปริมาณน้ำตาลสูง ทำให้ฟันผุได้ง่าย


          "ทั้งนี้ การมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดียังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เนื่องจากโรคในช่องปากเป็นปัญหาสำคัญ และเป็นปัจจัยเสี่ยงร่วมกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังด้วย โดยจากผลการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขปี 2554 ในกลุ่มพระภิกษุ สามเณร จำนวน 98,561 รูป หรือประมาณร้อยละ 30 พบว่าสุขภาพปกติ ร้อยละ 55 ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูงและเบาหวาน พระสงฆ์บางรูปป่วยมากกว่า 1 โรค พระสงฆ์ร้อยละ 5 หรือ 5,381 รูป อยู่ใน ภาวะอ้วน" อธิบดีกรมอนามัยกล่าว


 


 


          ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด 


          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code