งดเหล้าเข้าพรรษา ‘ห้า’ หน่วยงานรวมพลัง ‘สู้’

 

นับเป็นข่าว “ดีที่สุด” ในช่วงที่การเมืองกำลัง “ถึงที่สุด”ที่จะได้เห็นหน้าคนที่จะขึ้นไปยืนอยู่บน”ยอดสุด”ของการบริหารประเทศ

ข่าวดีที่สุด ดังว่า คือ การประกาศอย่างเป็นทางการของ37 จังหวัด ในประเทศไทย ที่จะเลิกเหล้า โดยคาดว่าจะมองเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้ในปีพ.ศ.2555 เป็นต้นไป

และก่อนที่วันนั้นจะมาถึงได้มี 5 หน่วยงาน ภายในประเทศได้ประกาศรวมพลัง “งดเหล้าเข้าพรรษาปี’54” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

หน่วยงานทั้ง 5 ดังกล่าว ได้แก่ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) และภาคประชาคมงดเหล้า ร่วมประกาศความร่วมมืองดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2554 ภายใต้แคมเปญ “เหล้าทำลายมิตรภาพ…เข้าพรรษานี้เลิกเลย” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค. 2554 และการครบรอบ 2,600 ปีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในปี 2555 ทั้งนี้ ภายในงานได้มีกิจกรรมเชิญสัญลักษณ์ด้วยการนำดินเหนียวจากจังหวัดต่างๆมาหล่อเป็นองค์พระพร้อมทั้งร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานให้เป็นหนึ่งเดียว

สสส.ชี้ให้เห็นว่า หากประชาชน 36.3% งดดื่มช่วง 3 เดือนจะประหยัดเงินได้ 1,400 บาทต่อเดือน  ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้ทำหนังสือสั่งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ให้จับตากิจกรรมเข้าพรรษาอย่างเข้มงวดในการดื่มเหล้า ส่วนทางกระทรวงสาธารณสุขก็ได้วอนขอให้ตำรวจเข้มบังคับใช้กฎหมาย แนะโชห่วย ร้านค้า อย่าแหกกฎ

ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากสถิติจะเห็นว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึงปีละ26,000 คน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจปีละ 1.5 แสนล้านบาท โดยคนไทยต้องจ่ายเงินซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีละ 2 แสนล้านบาท แต่ละปีมีนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น 260,000 คนอย่างไรก็ตาม การรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาที่ สสส. ร่วมรณรงค์กับหน่วยงานต่างๆ ผ่านมา ทำให้มีผู้งดดื่มเพิ่มขึ้น เห็นได้จากผลสำรวจการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษาของเอแบคโพลล์ ปี 2553 ที่ระบุว่า มีผู้งดเหล้าตลอด 3 เดือน มากถึง36.3 % งดเป็นบางช่วง 18.8 % ส่วนที่ไม่งดดื่มมี 44.9 %  โดยปัจจัยที่ช่วยให้งดดื่มได้มากที่สุดคือ ตัวเราเอง ใจเราเอง 35.7%รองลงมาคือ ครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ภรรยา 28.6% ซึ่งส่วนใหญ่เคยเห็นและรับรู้การรณรงค์มากถึง 81.1% นอกจากนี้ ข้อมูลของศูนย์วิจัยปัญหาสุรายังพบว่าการงดเหล้าเข้าพรรษาทำให้ประหยัดเงินค่าเหล้าเฉลี่ยคนละ 1,400 บาทต่อเดือน

นพ.สมาน  ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ทางกระทรวงคงต้องเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเข้มงวดและขอความร่วมมือผู้ประกอบการและสถานบริการทุกแห่ง ให้หยุดบริการและห้ามขายสุราในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาซึ่งถือว่าเป็นวันงดดื่มแห่งชาติด้วย หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากสถานบริการเป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีบางแห่งที่ไม่เข้าใจและเปิดให้บริการ เช่น โชห่วย หรือร้านค้าในชุมชนรวมถึงไม่สนใจที่จะปฏิบัติตามกฎหมายที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ดังนั้น หากใครพบเห็นการไม่ปฏิบัติดังกล่าว สามารถโทร.แจ้งร้องเรียนได้ที่ศูนย์ร้องเรียนสุรา กรมควบคุมโรค หมายเลข 02-5903342 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายไพบูลย์ ทาสระคู ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายและยุทธศาสตร์สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยถือเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ความร่วมมือกับโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ได้ทำหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศให้สนับสนุนโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อสร้างค่านิยมในพื้นที่ของตนเองอย่างเหมาะสม และลดปัญหาต่างๆที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชนนอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้กรมการปกครอง ควบคุมดูแลสถานที่สำคัญเป็นพิเศษ เช่น วัด สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาสวนสาธารณะ ให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นายอดุลย์ เอี่ยมทา นักวิชาศาสนา ชำนาญการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่หลายหน่วยงานเข้ามาช่วยกัน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นปัญหาสังคม ไม่ใช่เรื่องของคณะสงฆ์เท่านั้น ที่ผ่านมาทางมหาเถรสมาคม มีดำริให้สำนักงานเป็นแกนกลางในการรณรงค์ให้ชาวพุทธทั่วประเทศมีวิถีปฏิบัติตามศีล 5 โดยเฉพาะงดดื่มสุราและสิ่งเสพติดทุกชนิดอีกทั้งยังมีมติให้ทุกวัดเคร่งครัดปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับรูปแบบการรณรงค์ปีนี้นั้นมีลักษณะต่อเนื่องและแตกต่างกันออกไป อาทิ การปฏิญาณตนงดเหล้า การเดินรณรงค์ การปิดป้ายตามวัดต่างๆ หรือชุมชน โรงเรียน ที่อยู่ใกล้วัด รวมไปถึงสอดส่องดูแลวัดทั่วประเทศว่าหากมีการจัดกิจกรรมทางศาสนาจะต้องเป็นกิจกรรมที่ปลอดจากเหล้าร้อยเปอร์เซ็นต์

ได้เห็นการร่วมมือ ร่วมใจกันอย่างจริงจัง และต่อเนื่องแบบนี้แล้ว เชื่อได้ว่าคุณภาพชีวิตของปวงชนชาวไทยมีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่ความเป็นมาตรฐานสากลในระบบสุขภาพมวลชน และ สุขภาพในครอบครัวได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ขอเชียร์และขอเชียร์ แล้วก็ขอเชียร์ให้จังหวัดอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจาก 37 จังหวัด ตัดสินใจเลิกดื่มเหล้าเพิ่มขึ้นอีกเช่นเดียวกับจะมีหน่วยงานหรือองค์กรอื่นๆ ที่นอกเหนือจาก5 หน่วยงาน ที่กำลังทำอยู่ในเวลานี้เพิ่มการรณรงค์ให้มากขึ้นเช่นกัน

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

Shares:
QR Code :
QR Code