คืบหน้าอีกขั้น “5 Quick Win” ภาคีประชารัฐพร้อมเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 


เรื่องโดย : กฤดินันท์ เปลื้องวารี


คืบหน้าอีกขั้น “5 Quick Win” ภาคีประชารัฐพร้อมเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง thaihealth


แฟ้มภาพ


      “ดร.สมคิด” รองนายกรัฐมนตรี รับฟังสรุปการขับเคลื่อนประเด็นสังคม   “5 Quick Win”   ในการประชุมประชารัฐเพื่อสังคม(E6)    เพื่อรับฟังความก้าวหน้าในการพัฒนาขับเคลื่อนแต่ละด้านโดยภาคีภาครัฐ   ภาคเอกชน   และภาคประชาสังคม    ภายใต้โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล   “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”   ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์   จันทร์โอชา   นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)    อีกทั้งชักชวนบริษัทเอกชนเข้าร่วมนโยบายดังกล่าว   เพื่อรวมพลังขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ


       เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ได้มีการประชุม “5 Quick Win” ประชารัฐเพื่อสังคม(E6) ครั้งที่ 2  ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วยการบูรณาการความร่วมมือร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาสังคม   โดยนำเสนอความคืบหน้าเพื่อหารือและติดตามความก้าวหน้า ประเด็นเร่งด่วนต่างๆ   ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หัวหน้าทีมภาครัฐ หอการค้าไทย   หัวหน้าทีมภาคเอกชน และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)  หัวหน้าทีมภาคประชาสังคม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศตามวิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน”   ของคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ(คสช.)   รวมไปถึงตัวแทนฑูตจากบริษัทญี่ปุ่นได้แนะนำแนวทางการจ้างงานผู้พิการในการประชุมครั้งนี้ด้วย


 


 คืบหน้าอีกขั้น “5 Quick Win” ภาคีประชารัฐพร้อมเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง thaihealth


แฟ้มภาพ


         ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม(E6) กล่าวว่า เป็นการประชุมที่รวมเอาพลังจากทุกภาคส่วน ที่อยู่ในภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ภาครัฐ ในการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาประเทศในทุกมิติและทุกด้านอย่างยั่งยืน ซึ่งครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 เพื่อหารือและติดตามความก้าวหน้า “5 Quick Win” หารือประเด็นเร่งด่วนที่คณะทำงานฯ ในระยะเวลาการดำเนินงานตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งอนาคตมีแนวคิดว่าต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประเทศอื่นด้วย ไม่เพียงแต่ประเทศญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียวที่เข้ามาร่วมและขยายการดำเนินงานด้านการจ้างงานผู้พิการ ผู้สูงอายุ เพื่อให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น


         พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)   กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมช่วยเหลือสนับสนุน และอำนวยความสะดวกในการดำเนินการตามนโยบายประชารัฐอย่างเต็มที่    ทั้งนี้คณะทำงานประชารัฐเพื่อเป็นกลไกที่สำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือของทุกภาคส่วน   ทั้งภาครัฐ   ภาคเอกชน   ภาคประชาสังคม   ประชาชน    และท้องถิ่นในการขับเคลื่อนสู่ประเทศที่พัฒนา อีกทั้งเกิดการต่อยอดไปยังเด็น  อื่นๆไม่จำกัดเพียงแค่ 5 ประเด็น (Quick Win)   และขยายไปสู่พื้นที่โดยอาศัยการเชื่อมประสานกับคณะการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ(E3) และกลไกพื้นที่ของ   กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)   กระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงภาคเอกชน   และภาคประชาสังคม


 


         คืบหน้าอีกขั้น “5 Quick Win” ภาคีประชารัฐพร้อมเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง thaihealth


แฟ้มภาพ


        ขณะที่   ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)   กล่าวว่า   ในฐานะหัวหน้าภาคประชาสังคมทำหน้าที่สนับสนุนด้านวิชาการและเครือข่ายการทำงานเชิงประเด็นร่วมกับ   ภาคี   ภาครัฐ   และเอกชน   ใน 5 ประเด็นหลัก   คือ   1.การหนุนเสริมข้อมูลและเครือข่ายคนพิการในประเด็นการจ้างงานคนพิการซึ่งมีภาครัฐและภาคเอกชนจ้างงานคนพิการภายใต้ความร่วมมือประชารัฐกว่า 7,500 อัตรา   และตั้งเป้าปี พ.ศ. 2561   จะบรรลุเป้าหมาย 100% ตามที่กำหนด    2.การสนับสนุนส่งเสริมการจ้างงานแรงงานผู้สูงอายุในภาครัฐ   ภาคเอกชน   และการทำงานอิสระ    พร้อมผลักดันประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายเงินชดเชยให้ผู้สูงอายุ   และพิจารณาข้อจำกัดด้านชั่วโมงการทำงานผู้สูงอายุ    3.การประสานความร่วมมือระหว่างเครือข่ายแรงงานนอกระบบ   และเครือข่ายภาคประชาชน    เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณ    ให้เกิดชุดความรู้การบริหาร    พร้อมขยายเครือข่ายผู้นำทั้งเชิงกลุ่มเป้าหมาย และพื้นที่เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนโครงการ    4.การพัฒนาที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัย    เป็นการออกแบบบ้านเพื่อคนทั้งมวล (universal design)     เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานการใช้ให้คุ้มค่า     สมประโยชน์ครอบคลุมสำหรับทุกคน    และ 5.การสนับสนุนข้อมูลวิชาการและเครือข่ายในการรณรงค์สร้างความตระหนักส่งเสริมความปลอดภัยบนถนน    โดยได้ลงนามความร่วมมือประชารัฐร่วมใจปลอดภัยทุกเส้นทางร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 55 องค์กร    เพื่อกำหนดการใช้รถใช้ถนนของบุคคล    ทั้งในเรื่องของการสวมหมวกนิรภัยและเมาไม่ขับ


         ทางด้าน    นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานอาวุโสหอการค้าไทย    กล่าวว่า   สำหรับก้าวต่อไปของการขับเคลื่อนงานประชารัฐเพื่อสังคม    ภาคเอกชนจะขยายความร่วมมือไปยังเครือข่ายนอกกลุ่มประชารัฐเพื่อสังคม    รวมไปถึงการกำหนดเป้าหมายในการขยายความร่วมมือกับบริษัทต่างประเทศในประเทศไทย     โดยเฉพาะการจ้างแรงงานคนพิการไปยังกลุ่มบริษัทญี่ปุ่น      โดยขับเคลื่อนร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยอีกด้วย


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code