คืนอากาศสะอาด สร้างสุขภาวะดีของคนเมือง
เรื่องโดย : พงศ์ศุลี จีระวัฒนรักษ์ Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก : งานโครงการสานพลังขับเคลื่อนเคาท์ดาวน์ PM2.5 เพิ่มสุขภาวะคนเมือง(หลวง)
ภาพโดย พงศ์ศุลี จีระวัฒนรักษ์ Team Content www.thaihealth.or.th
“…จากรายงานของระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ หรือ Health Data Center (HDC)ปี 2567 ทั้งประเทศมีผู้ป่วยด้วยโรคจากมลพิษทางอากาศ เพราะฝุ่น PM2.5 กว่า 9.4 ล้านคน เนื่องจากฝุ่นสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่หลากหลาย โดยเฉพาะกับเด็ก ผู้ป่วย และผู้สูงอายุ ที่มีระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง อาจก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด มะเร็งปอด รวมถึงโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองได้ ส่งผลให้เข้ารับการรักษาที่สูงขึ้น กระทบต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตโดยรวม…”
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในโอกาส สสส. ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และสภาลมหายใจกรุงเทพฯ สานพลังขับเคลื่อนเคาท์ดาวน์ PM2.5 เพิ่มสุขภาวะคนเมือง(หลวง) เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2567 ที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
ซึ่งการสร้างความตระหนักรู้ และสนับสนุนการดำเนินงานด้านการจัดการและลดปัญหาฝุ่น PM2.5 จากแหล่งกำเนิด เป็นสิ่งสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิต สุขภาพ และอากาศสะอาดได้อย่างยั่งยืน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาฝุ่น PM2.5 ภายในเมือง มาจากบรรดารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลซึ่งมีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี ขึ้นไปเป็นปัจจัยหลัก ปล่อยไอเสีย กลายเป็นมลพิษกระจายในอากาศ
นพ.พงศ์เทพ กล่าวว่า การสานพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และภาคประชาสังคม ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ในด้านการจัดการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิต สู่สุขภาพที่ดีและอากาศสะอาดที่ยั่งยืน
“สสส. ร่วมสานพลังขับเคลื่อนลดปัญหาฝุ่น PM2.5 มาตั้งแต่ปี 2566 หลายโครงการ เช่น การพัฒนาเครื่องยนต์ต้นกำลังชีวมวล เพื่อลดการเผาในที่โล่ง, ออกแบบแผนผังการปลูกต้นไม้ ตามนโยบายการต้นไม้ล้านต้นของ กทม., การจัดตั้งสภาลมหายใจกรุงเทพมหานคร เพื่อสะท้อนการแก้ไขปัญหา รวมถึงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ ที่ช่วยลดปัญหาฝุ่นควันจากการจราจร
“สสส.พบว่า การดำเนินงานเหล่านี้ สามารถนำไปขยายสู่สังคม สู่การนำไปขยายผลการดำเนินงานให้มากขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
สอดรับกับ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ กล่าวถึงภาพรวมของสาเหตุการเกิดมลพิษ PM2.5 ในไทยว่า “…ส่วนหนึ่งแล้วมลพิษ PM2.5 เกิดจากทิศทางลมที่พัดพาควันจากไฟป่า และควันจากการเผาไร่
โดยเฉพาะลมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมตะวันตกเฉียงใต้ที่เป็นส่วนสำคัญในการพัดพามลพิษเข้าสู่พื้นที่ที่ลมพัดผ่านอย่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งสามารถส่งผลกระทบทางสุขภาพให้เกิดโรคมะเร็งปอด และถุงลมโป่งพองได้อย่างร้ายแรง
“ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้เข้ามาร่วมทำงานในลักษณะสานพลัง ล้วนส่งเสริมให้เกิดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม ประชาชนได้รับรู้ในทิศทางที่สอดคล้องใกล้เคียงกัน ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหา สร้างคุณภาพชีวิต และเมืองที่น่าอยู่ได้ ” นายวีระศักดิ์ กล่าวเสริม
ขานรับจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแหล่งที่มาของฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ กทม. อย่างน่าสนใจ ว่า มาจากการจราจรบนท้องถนนเป็นหลัก
“โดยในปี 2567 นี้ ทาง กทม.สานพลังภาคีเครือข่ายกำหนดมาตรการรับมือเพิ่มขึ้น เช่น จะมีการออกประกาศห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่กรุงเทพชั้นใน แจ้งให้หยุดการก่อสร้างในบางพื้นที่ สนับสนุนให้คนมาใช้ BTS/MRT แทนใช้รถยนต์ส่วนตัว ส่งเสริมองค์ความรู้การดัดแปลงเครื่องรถยนต์ดีเซลสู่เครื่องยนต์ไฟฟ้า ให้กับผู้ประกอบวิชาชีพ
อีกทั้งมีการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับการพยากรณ์ค่าฝุ่นที่แม่นยำ การแจ้งเตือนประชาชน รวมถึงมาตรการการควบคุมรถมลพิษสูงเข้าพื้นที่ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายเดินทางลดฝุ่น คืนอากาศสะอาดให้เมือง ต่อไป
สสส. มุ่งมั่นสร้างความตระหนักรู้และสนับสนุนการจัดการและลดปัญหาฝุ่น PM2.5 จากแหล่งกำเนิด เพื่อสุขภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างอากาศสะอาดสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง