‘คิดถึง’ ฉบับ สสส. ดูนิสัยคนไทยดูในท้องถนน
ที่มา : มติชน
ภาพประกอบจากเว็บไซต์ไทยรัฐ
ใกล้เทศกาลวันหยุดปีใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามา เทศกาลซึ่งผู้คนในเมืองหลวงหรือคนไกลบ้าน ต่างพากันมุ่งหน้ากลับภูมิลำเนาเพื่อพบหน้าพ่อแม่ญาติพี่น้อง ที่จากกันมานานโดยความจำเป็นนานา
เทศกาลซึ่งคร่าชีวิตคนกลับบ้านนับร้อยๆ ชีวิตติดต่อกันมายาวนานหลายต่อหลายปี ก็มีภาพเพลงที่ชวนให้คนดูแล้วดูอีกได้หลายๆ เที่ยวคือ การนำงานของ หรั่ง ร็อคเคสตรา หรือชัชชัย สุขาวดี มาสร้างใหม่ ด้วยจุดประสงค์ที่จะให้สังคมและปัจเจกชนตระหนักในปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
ปัญหาของการเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน
เพราะเมื่อตระหนักถึงปัญหา และพยายามตั้งมั่นระมัดระวังโดยไม่ประมาทแล้ว ย่อมผ่อนหนักเป็นเบาได้ แทนที่จะปล่อยเนื้อปล่อยตัวสนุกสนานระหว่างการเดินทางอย่างไม่ยั้งคิด มีแอลกอฮอล์เป็นแรงหนุนสำคัญ
ชั่วกะพริบตาเดียว อาจทำให้ตัวเองบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิตไปเปล่าๆ อย่างไร้สาระ มิหนำซ้ำ ยังอาจทำให้ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่พลอยเจ็บหนักหนาสาหัส พิการ หรือเสียชีวิตไปอย่างไม่สมควรด้วย
สสส. หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จึงได้ผลิตงานชิ้นนี้ออกมา โดยให้ พงศ์ไพบูลย์ สิทธิคู ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาและผู้ก่อตั้ง เดอะ ฟิล์ม แฟคตอรี่ ทำหนังเตือนสติชุด กลับบ้านปลอดภัย นี้ขึ้นมา โดยมิได้มีนักร้องมาสื่อความ แต่ให้ตัวละครผู้สูญเสียพ่อแม่สามีภรรยาหรือญาติพี่น้องมิตรสหาย มาขับเนื้อร้องเอง สลับด้วยภาพจริงของอุบัติเหตุกาละต่างๆ ที่เห็นแล้วสะดุ้งน่าตกใจทุกเหตุการณ์
พริบตาเดียวเท่านั้นจริงๆ ชีวิตก็หลุดลอย อย่างยับเยิน แหลกลาญ
เพียงปีเดียวเท่านั้น มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนถึง 22,356 ราย มากเสียยิ่งกว่ารบรากันในสงครามสมัยใหม่อีก
ขณะเดียวกัน ก็มีคนพิการเพิ่มขึ้นอีกถึง 6,000 คน หกพันคนซึ่งอาจเป็น 6,000 ครอบครัวที่ชีวิตปกติของผู้เกี่ยวข้องไม่มีวันเหมือนเดิมต่อไปได้อีก
ดังนั้น เพียงนิ่งตรองนิดเดียว ย่อมจะเห็นได้ว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นความสูญเสียใหญ่หลวง เป็นความสูญเสียของสังคมที่ไม่สมควรแก่เหตุเลย
หลายครั้งที่ผู้พิการเพราะถูกคนเมาขับรถชน มาเปิดเผยชีวิตทางโทรทัศน์ ให้เห็นชัดเจนว่า นอกจากเป็นความสูญเสียเฉพาะตัวบุคคล ความสูญเสียของครอบครัว ยังเป็นความสูญเสียขององค์กร ของสังคมอย่างน่าเศร้าน่าคับแค้นใจ หลายครั้งที่มีข่าวความประมาทเลินเล่อในการขับขี่ยวดยานของหนุ่มสาวซึ่งขาดวุฒิภาวะ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นเสียชีวิตไปง่ายๆ อย่างน่าคับแค้นใจอีกเช่นเดียวกัน
ดูนิสัยคนไทยหรือ ดูบนท้องถนนเมื่อไหร่ก็เห็นได้ไม่ยาก
แน่นอน ว่าไม่ได้ ไม่ใช่คนร้อยทั้งร้อย แต่คนขับรถร้อยคนมีสักคนไหม ที่ไม่เคยประสบคนขับรถไม่สนใจกฎจราจร หรือมีกี่คนที่เจอคนไม่สนใจกฎจราจรจนต้องทำอย่างนั้นบ้าง หรืออยากทำอย่างนั้นบ้าง
คนเขาต่อแถวยาวเหยียดเข้าช่องที่จะยูเทิร์นเลี้ยวกลับ แต่พวกปาดแว้บเข้าหัวโค้งทางเลี้ยว บ้างอยู่ช่องกลาง พอช่องขวาขยับก็ตำหัวเข้าไป พอช่องกลางขยับหันกลับมาอีก พอช่องซ้ายไหลก็หันขวางไปทางซ้าย จะไปให้ได้อยู่คันเดียว หรือกำลังจะเปลี่ยนช่อง เปิดสัญญาณขอทาง ทางที่เคยว่างๆ พวกอยู่ข้างหลังเห็นสัญญาณเร่งเครื่องเข้ามาขวางเฉยๆ ไม่ให้เข้า ช่องที่ติดป้ายสัญญาณห้ามกลับรถ พวกก็กลับเอาดื้อๆ รถทางตรงเบรกจนแทบจะชนท้ายกันระนาว
ก็เพราะเดี๋ยวนี้ขอทางกันไม่ได้ ขอเลี้ยวกันไม่ได้ จึงทำให้รถเลี้ยวต้องหาจังหวะคอยแหย่หัวออกมา ทำให้รถทางตรงติดกันไม่เป็นจังหวะ แทนที่จะไหลได้เป็นคราวๆ
ยังมีพวกย้อนศร โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์ นี่ก็เป็นกรณีที่ทำให้เกิดตัวเลขเสียชีวิตเป็นพันเป็นหมื่น
สี่แยกไฟเขียวไฟแดง มอเตอร์ไซค์ไม่ดูไฟ ดูว่ามีตำรวจจราจรหรือไม่ ถ้าไม่มีก็พรวดๆ ไปได้ เหมือนกับรถที่อาศัยติดพันกันเป็นสายยาว ไฟแดงแล้วก็ไม่หยุด ขออาศัยต่อท้ายไฟเขียวเมื่อกี้ไปด้วย ก็เลยขวางรถไฟเขียวไปไม่ได้
สารพัดทำอย่างไรจึงจะเห็นแก่ผู้อื่นได้ ทำอย่างไรจึงจะคิดถึงคนอื่นได้ ตัวเองอยากจะไปเร็ว คนอื่นก็อยากจะไปเร็ว สัญญาณจราจรมีกำกับไว้แล้ว ว่าให้ผลัดกันไปเร็วได้ แต่ก็ไม่ยอม ไม่ว่าอยู่ทางไหนจะไปให้ได้เสียทุกทาง
คิดถึง คนอื่นบ้าง คิดถึงคนอื่นที่ยังไม่สูญเสีย อย่าให้เขาสูญเสีย เท่ากับเราก็ระวัง ที่จะไม่สูญเสีย กลับบ้านโดยสวัสดิภาพได้ด้วยกันทุกคน ไม่ดีกว่าสังคมที่คนถูกรถชนตายปีละ สองหมื่น พิการอีกปีละหกพันหรือ