ความเสี่ยงของผู้ป่วยเบาหวาน

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


ความเสี่ยงของผู้ป่วยเบาหวาน thaihealth


แฟ้มภาพ


          วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี สมาพันธ์เบาหวานโลก (IDF) ได้กำหนดให้เป็น "วันเบาหวานโลก" และทราบหรือไม่ว่าโรคเบาหวานมีความรุนแรงและมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวายเรื้อรัง ตาบอด และอันตราย ถึงชีวิตได้หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเอง


          และสำหรับวันเบาหวานโลกในปีนี้ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  ได้เปิดเผยว่า จะมีการรณรงค์สำหรับวัยในประเด็น "เบาหวาน กับครอบครัว" (The Family and Diabetes) เพื่อให้สมาชิกในครอบครัว มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือให้ผู้ป่วยและ ผู้ที่มีความเสี่ยงสามารถดูแลตนเองได้ โดยจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติที่ร่างกายไม่สามารถผลิตหรือสร้างฮอร์โมนอินซูลินเพียงพอ หรือ เกิดภาวะต้านอินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ และร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาล ที่ได้รับจากอาหารมาเป็นพลังงานได้


          โรคเบาหวาน เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงค่าปกติ คือ ประมาณ 80-130 มก./ดล. นอกจากนี้ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม รักษาน้ำหนักตัว ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และปฏิบัติตนตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อลดความรุนแรงของโรค และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน


          แพทย์หญิงวิพรรณ สังคหะพงศ์  ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานในระยะเวลานานๆ มักมีโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากโรคเบาหวานจะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งมีการตีบหรืออุดตัน ส่งผลให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวายเรื้อรัง และตาบอด  ดังนั้นหากมีอาการเหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก ตามัว มือเท้าชา บวม ปัสสาวะออกน้อยให้รีบมาพบแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคหัวใจ นอกจากนี้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ไขมันสูง  สูบบุหรี่ ควรตรวจเช็คโรคเบาหวานเช่นกัน เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงร่วมกันที่ก่อให้เกิด โรคหลอดเลือดหัวใจ


          อย่างไรก็ตามผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานควรดูแลตนเอง ตั้งแต่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงของหวาน ชา กาแฟ น้ำอัดลม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด ระวังไม่ให้เกิดภาวะติดเชื้อ รับประทานยาหรือฉีดยาตามคำแนะนำของแพทย์ และหมั่นตรวจสุขภาพในเรื่องของ ตา ไต หัวใจ เท้า และสมองอย่างสม่ำเสมอ


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ