ความดีราคาเท่าไหร่?
ที่มา : สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9)
ภาพประกอบจากสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9)
ความดีราคาเท่าไหร่? กับกิจกรรม “We are CSO Forum 2 ความดีไม่มีขาย” (Goodness not for sale)
สถาบันส่งเสริมภาคประชาสังคม (สสป.) ร่วมกับ สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) และ กรมธนารักษ์ จัดกิจกรรม “We are CSO Forum 2 ความดีไม่มีขาย” (Goodness not for sale) ขึ้น เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2560 ณ พิพิธบางลำพู โดยมี นายเดช พุ่มคชา เป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งภายในบริเวณงานมีกิจกรรมที่ร่วมสร้างพลังอาสาสมัคร นักปฏิบัติการผู้ไม่นิ่งเฉยต่อปัญหา และอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมมากมาย อาทิ การร่วมทำสมุดทำมือให้กับเด็กในถิ่นทุรกันดาร การสอนทำเข็มกลัดเพื่อผู้ป่วยในโรงพยาบาล และการรับฟัง 4 เรื่องราวความดี และการรวมกลุ่มกันเพื่อทำประโยชน์ต่อคนอื่นจาก 4 วิทยากร พร้อมด้วยการบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์โดยวง S2S ( From street to star) ภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย
“คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของทรัพย์สินที่มี แต่มันอยู่ที่ว่าเราทำอะไรเพื่อใครหรือยัง และชีวิตที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อคนอื่นเลยเหมือนเป็นชีวิตที่ปราศจากคุณค่า ดังนั้นวันนี้เราเริ่มออกไปทำอะไรเพื่อคนอื่นกันดีกว่า” ตลอดระยะเวลาการถ่ายทอดเรื่องราวการทำความดีของ คุณ ชานนท์ เครือด้วง ผู้ก่อตั้งกลุ่มดินสอสีรุ้ง ได้ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงหากเริ่มต้นที่ตัวเรา เป้าหมายที่เราจะร่วมพัฒนาสังคมก็จะขยับใกล้เข้ามา จากนั้น คุณพีรพงศ์ จารุสาร ประธานอนุกรรมการศูนย์กฎหมายตาทิพย์ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้พิการทางสายตาจึงได้ขึ้นเวทีมาร่วมขยายภาพของการรวมกลุ่มกันทำความดีในฐานะ “สมาคม” โดยได้แสดงให้เห็นถึงพลังของการรวมกลุ่มกันทำความดี ที่จะยังประโยชน์ให้กับสังคมอย่างมหาศาล “พลังของการรวมกลุ่มเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่สังคม และทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้น สมาคมคนตาบอดเองก็ไม่สามารถทำงานหรือแก้ปัญหาได้เพียงลำพัง พวกเรายังต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน”
จากนั้นจึงเป็นการนำเสนอเรื่องราวการทำความดีของอีกสองวิทยากร ได้แก่ คุณจิตชนก ต๊ะวิชัย เกษตรกรสาวรุ่นใหม่ ที่ผันตัวเองหลังจากจบปริญญาจากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลับไปทำการเกษตร และต่อยอดพัฒนาความรู้จนกลายมาเป็นต้นแบบในการสร้างการเรียนรู้ ผ่านศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ที่ใต้ถุนบ้านของเธอเอง “จากคนบ้าที่เริ่มทำนาโยน กลายมาเป็นคนที่ทุกวันนี้ต้องรับมือกับการเข้ามาสัมภาษณ์ของสื่อมากมายที่เราก็ไม่รู้มาจากไหน การตั้งมั่นและให้ความสำคัญในสิ่งที่ทำไม่ว่าจะทำอะไรโดยเฉพาะเรื่องที่ดี มันก็จะส่งผลย้อนกลับมาหาตัวเราเองเสมอ” สุดท้าย คุณสมปอง ดวงไสว อดีตข้าราชการครูและเป็นนักเขียน ซึ่งเป็นวิทยากรคนสุดท้าย เล่าถึงเรื่องราวของการเริ่มต้นเป็นคนอนุรักษ์ว่า “ผมดูถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่เก้า เสด็จเดินรอบสวนสันติชัยปราการ แล้วทรงมีรับสั่งกับสมเด็จพระนางเจ้า ฯ ว่าบางกอกไม่มีมะกอก บางม่วงไม่มีมะม่วง แต่บางลำพู ยังมีต้นลำพูใหญ่ต้นเก่าแก่ เมื่อจะสร้างพระที่นั่งฯ เกรงว่าจะไปบังต้นลำพู ผมจึงจดบันทึกกระแสพระราชดำรัสนั้นไว้ไม่ให้ตกหล่น จากนั้นจึงเริ่มต้นชวนลูกศิษย์สามคนชวนกันไปวัดขนาดความกว้างความใหญ่ของต้นลำพู จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการอนุรักษ์ต้นลำพูต้นสุดท้าย”
ปิดท้ายกิจกรรมบนเวที We are CSO Forum 2 ความดีไม่มีขาย (Goodness not for sale) ด้วยการแสดงจากวงดนตรีศิลปินคนตาบอด S2S ที่มาร่วมบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้า
ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงานทุกภาคส่วนได้แสดงให้เห็นแล้ว ว่าหากเกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาหรือการพัฒนา ชุมชนจะเข้มแข็ง สังคมจะเป็นสุข และคุณค่าของความดีจะคืนกลับมาอยู่กับทุกคน โดยไม่ต้องเตรียมสตางค์ไปหาซื้อ เพราะ “ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง” โดยเริ่มต้นลงมือทำจากตัวเราเอง และขยายวงไปสู่คนรอบข้างใกล้ตัว และสังคมที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน เพราะเราทุกคนคือภาคประชาสังคม WE ARE CSO ใครๆก็เป็นได้
ติดตาม “WE ARE CSO ใครๆ ก็เป็นได้ Forum ครั้งต่อไป ได้ที่ เพจไทยแอ็ค และ www.thaicivilsociety.com