ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์

ที่มา :  เว็บไซต์ไทยรัฐ


ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ thaihealth


แฟ้มภาพ


โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้แถลงข่าว ทายาทเด็กหลอดแก้วคนแรกของไทย และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์


นพ.กำธร พฤกษานานนท์ อาจารย์ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา รพ.จุฬาฯ กล่าวว่า ในอดีตการเกิดเด็กหลอดแก้วทำให้คนกังวลว่าเด็กจะมีความผิดปกติทั้งร่างกาย สุขภาพ ความรู้สึก และความคิด จนกลายเป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่หรือไม่ แต่จากการติดตาม นายปวรวิชญ์ ศรีสหบุรี หรือมุ้งมิ้ง เด็กที่เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้วรายแรกของประเทศไทย ปัจจุบันอายุ 31 ปี มีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งยังสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ และการตรวจติดตามลูกของนายปวรวิชญ์ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนคลอดนั้นปกติดีทุกอย่าง


นพ.กำธรกล่าวอีกว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีเด็กที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ 7 ล้านคน ส่วนไทยมีประมาณ 2 หมื่นคน แต่ไม่ทราบว่ามีทายาทกันแล้วหรือไม่ เพราะไม่ได้ติดตาม อย่างไรก็ตาม กรณีของนายปวรวิชญ์ก็ยืนยันแล้วทุกอย่างเป็นปกติ ทั้งนี้ หลายประเทศทั่วโลกมีปัญหาเด็กเกิดน้อย ซึ่งธนาคารโลกและองค์การอนามัยโลกกำหนดว่าการเพิ่มประชากร ไม่ควรต่ำกว่า 2.1 แต่ไทยขณะนี้การเพิ่มประชากรอยู่ที่ 1.5 ทำให้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเร็วขึ้น ถ้าเป็นต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่พัฒนา เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ต่างเห็นความสำคัญและกำหนดเป็นนโยบายให้บรรจุการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพ ส่วนของไทยยังไม่มี แต่กระทรวงสาธารณสุขมีการตั้งคณะทำงานมาศึกษาเรื่องนี้ แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรเห็นความสำคัญและกำหนดเป็นนโยบายของประเทศเพื่อเพิ่มอัตราประชากร หากไม่ทำอะไรเราจะมีปัญหาผู้สูงอายุล้นเมือง เด็กเกิดน้อย ไม่เพียงพอต่อการดูแลผู้สูงอายุ


ด้าน นพ.วิสันต์ เสรีภาพงศ์ หัวหน้าหน่วยชีววิทยาการเจริญพันธุ์ ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา รพ.จุฬาฯ กล่าวว่า ขณะนี้ รพ.จุฬาฯได้พัฒนาเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์การเก็บเนื้อเยื่อรังไข่แช่แข็งในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง และต้องการมีบุตร ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวโดยเฉพาะในประเทศยุโรปจัดเป็นเทคโนโลยี มาตรฐานใช้มา กว่า 10 ปี ประชาชนสามารถเข้าถึงการบริการได้ ปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งประมาณ 100 กว่าคนที่เข้าถึง แต่ในไทยยังเป็นเรื่องใหม่ ประมาณ 1-2 ปี ซึ่งในส่วนของ รพ.จุฬาฯ เปิดตัวเรื่องนี้มาเพียง 1 เดือน มีผู้ป่วยมะเร็งที่เหมาะสม ในการแช่แข็งเนื้อเยื่อรังไข่ประมาณ 6 คน


นพ.วิสันต์กล่าวอีกว่า สำหรับเทคโนโลยีดังกล่าว ถือเป็นความหวังให้ผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการมีบุตร เนื่องจากการรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดจะไปทำลายเซลล์ในรังไข่จนไม่สามารถมีลูกได้ แต่เทคโนโลยีนี้จะมาช่วยผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้มีความหวัง โดยกลุ่มผู้ป่วยที่สามารถเข้าเกณฑ์จะมีการพิจารณาเป็นรายๆ และต้องไม่ใช่ผู้ป่วยมะเร็งรังไข่เนื่องจากกลุ่มนี้เซลล์มะเร็งกระจายไปในรังไข่แล้ว ค่อนข้างลำบากในการใช้เทคโนโลยีนี้ แต่ผู้ป่วยมะเร็งอื่นๆ อาทิ มะเร็งเต้านม หลายรายสามารถรักษาให้หายขาดได้ กลุ่มนี้มี ความหวังที่จะมีบุตรได้


ด้านนายปวรวิชญ์กล่าวว่า แม้ว่าตัวเองจะเป็น เด็กหลอดแก้ว แต่ทุกอย่างก็เป็นปกติ ไม่มีปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้ ขนาดภรรยาคบกันมา 3 ปีถึงทราบ อย่างไรก็ตาม ตนเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬาฯ และจบปริญญาโทจากต่างประเทศ ปัจจุบันเป็นวิศวกร ก่อนมีบุตรก็มาปรึกษาแพทย์ตามปกติ มีลูกตามธรรมชาติ และเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ภรรยาคลอดบุตรชายด้วยวิธีธรรมชาติ มีน้ำหนักตัวแรกเกิด 3,223 กรัม ปลอดภัย แข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก ซึ่งหลังจากวางแผนว่าจะมีลูก ภรรยาก็ไม่ได้คุมกำเนิด หลังจากนั้น 2 เดือนภรรยาก็ตั้งครรภ์ และเตรียมวางแผนจะมีลูกเพิ่มอีก 1 คน

Shares:
QR Code :
QR Code