ควรตรวจสุขภาพอย่างไรในแต่ละช่วงวัย
ที่มา : www.thaihealthcenter.org
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
การตรวจสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยทั่วไปแล้วโปรแกรมตรวจสุขภาพเบื้องต้นจะแบ่งตามเพศและช่วงวัย โดยแพทย์จะแนะนำให้ตรวจทุก 1 ปี การตรวจสุขภาพแต่ละช่วงวัยควรตรวจสุขภาพอย่างไร
อายุ 0 – 18 ปี
1. ตรวจเช็กสุขภาพทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ทุกครั้งที่มาตรวจพัฒนาการและรับการฉีดวัคซีนในวัยรุ่นควรเช็กด้วย BMI ด้วย
2. ได้รับวัคซีนที่เหมาะสมตามช่วงวัย
3. ตรวจคัดกรองทางห้องปฏิบัติการ
– ตรวจคัดกรองการได้ยินด้วยเครื่องมือ OAE ภายใน 6 เดือนหลังคลอด
– ตรวจเลือด เพื่อค้นหาภาวะซีด ในทารกแรกเกิดและให้การดูแลรักษาภาวะซีดเพื่อป้องกันไม่ให้ IQ ต่ำ ช่วงอายุ 6 – 12 / 3 – 6 ปี / ช่วงวัยรุ่น (หญิง)
4. ตรวจคัดกรองพัฒนาการ
– ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และเล็ก
– ด้านการใช้ภาษาและการสื่อสาร
– ด้านการช่วยเหลือตัวเองและการเข้าสังคม
– ด้านสติปัญญาและจริยธรรม
5. ค้นหาพฤติกรรมเสี่ยงตามวัย
– การปล่อยปละละเลยจนเสี่ยงอันตราย
– ปัญหาพฤติกรรม อารมณ์
– ปัญหาการเรียน ติดเกม เครียด
– ปัญหาครอบครัว เรื่องเพศ ยาและสารเสพติด
6. ส่งเสริมสุขภาพด้านอื่นเพื่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสม
– ดูแลช้องปากและฟัน
– การมีโภชนาการที่ดีและการออกกำลังกายที่เหมาะสม มีผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก
อายุ 18 – 60 ปี
1. ตรวจร่ายการทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง BMI และวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
2. ตรวจสายตา อายุระหว่าง 40 – 60 ปี ควรตรวจวัดสายตา 1 ครั้ง
3. การตรวจคัดกรองมะเร็งที่จำเป็น
– มะเร็งเต้านม อายุ 30 – 39 ปี ควรตรวจทุก 3 ปี อายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจทุกปี ควรคลำเต้านมด้วยตนเอง หากมีความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์
– มะเร็งปากมดลูก อายุ 30 – 65 ปี ควรตรวจทุก 3 ปี
– มะเร็งลำไส้ใหญ่ อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจอุจจาระทุกปี
4. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
– ตรวจหาภาวะซีด อายุ 18 – 60 ควรตรวจหาภาวะซีด 1 ครั้ง เพื่อให้การดูและรักษาที่เหมาะสม
– ตรวจหาเบาหวาน อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุก 3 ปี ถ้าตรวจเจอเร็วจะรักษาได้เร็ว ป้องกัน และชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
– ตรวจหาไขมันในเลือด อายุ 20 ปีขึ้นไปควรตรวจทุก 5 ปี ช่วยคัดกรอง และป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
5. แบบประเมินสภาวะสุขภาพของคนวัยทำงานที่จำเป็น สามารถคัดกรองได้ด้วยตนเอง หรือ บุคลากรสาธารณสุข โดยใช้แบบประเมิน ภาวะซึมเศร้า ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด การติดบุหรี่ สุรา ยาและสารเสพติด เพื่อให้รับคำปรึกษาและการดูแลที่เหมาะสม
อายุ 60 ปีขึ้นไป
1. ตรวจร่างกายทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง BMI และวัดความดันโลหิต อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
2. ตรวจสายตา อายุ 60 – 64 ปี ตรวจทุก 2 – 4 ปี อายุ 65 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 1-2 ปี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการมองไม่เห็น
3. การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่จำเป็น
– ตรวจปัสสาวะ ควรตรวจทุกปี เพื่อคัดกรองความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ
– ตรวจหาภาวะซีด ควรตรวจทุกปี เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป
– ตรวจหาไขมันในเลือด ควรตรวจทุก 5 ปี
– ตรวจหาเบาหวาน ควรตรวจทุกปี
– ตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของไต ควรตรวจทุกปี เพื่อตรวจคัดกรองความผิดปกติของไต
4. ตรวจคัดกรองมะเร็ง
– มะเร็งปากมดลูก ตรวจทุก 3 ปีจนถึงอายุ 65 ปี
– มะเร็งเต้านม ตรวจทุกปีจนถึงอายุ 69 ปี
– มะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจอุจจาระทุกปี
5. ประเมินสภาวะสุขภาพในผู้สูงอายุ
– ภาวะโภชนาการ เพื่อลดภาวะทุพโภชนาการ และได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสม
– ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาติ
– ความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน เพื่อป้องกันการเกิดกระดูกหัก
– ภาวะสมองเสื่อม เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่เหมาะสมในการดำรงชีวิต
– ภาวะซึมเศร้า เพื่อคัดกรองภาวะซึมเศร้า และได้รับการวินิจฉัยช่วยเหลือที่ถูกต้องและเหมาะสม
การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้อุ่นใจ และคลายความกังวล เพราะการตรวจสุขภาพเป็นการตรวจสำหรับผู้ที่ยังไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เพื่อค้นหาความเสี่ยงของโรคที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งการพบปัญหาแต่เนิ่น ๆ ลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเท่านั้น แต่ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย